กิฟฟารีน giffarine www.no-poor.com
ธุรกิจเสริม กิฟฟารีน
กิฟฟารีน ธุรกิจเสริม อาชีพเสริม รายได้เสริมออนไลน์ ปรึกษาเรา ตรวจสอบดวงชะตา ศึกษาพลังธาตุในตัวคุณ วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน ภาวะผู้นำและลักษณะงานที่เหมาะกับคุณ ก่อนเริ่มธุรกิจ-คุยกับเราที่ no-poor.com

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ นักขายตรงหมื่นล้าน พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ นักขายตรงหมื่นล้าน

“กิฟฟารีน” ภายใต้การบริหารของ “พ.ญ.นลินี ไพบูลย์” ด้วยแนวคิด และวิธีการที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ จนวันนี้แบรนด์ “กิฟฟารีน” สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Mass สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 10 เท่าในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นเครือข่ายธุรกิจขายตรงแบรนด์ไทยที่มาแรง สามารถชิงส่วนแบ่งจากแบรนด์ต่างชาติได้อย่างน่าจับตามอง ชื่อของ “พ.ญ.นลินี” จึงกลายเป็นแบรนด์ของผู้หญิงเก่ง ที่ไม่มีนักธุรกิจคนไหนที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเธอ ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่วันหนึ่งต้องหย่าร้าง และเลี้ยงลูกเพียงลำพัง อาจเป็นจุดเปลี่ยนให้ผู้หญิงคนนั้นหมดหวัง แต่สำหรับ “พ.ญ.นลินี ไพบูลย์” ประธานกรรมการ บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ตรงกันข้าม จุดเปลี่ยนของชีวิตครั้งนั้นทำให้พลังของ “พ.ญ นลินี” ล้นเหลือกว่าที่หลายคนคิด เข้าถึงใจลูกค้า “พ.ญนลินี” รู้ว่าคุณสมบัติความเป็นแพทย์ และประสบการณ์จากการเปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไป และผิวหนัง บวกกับประสบการณ์ธุรกิจขายตรงในแบรนด์ “สุพรีเดอร์ม” เมื่อครั้งยังไม่ได้หย่าจากสามี เพียงพอที่จะเป็นพื้นฐานให้ “หมอนลินี” หรือ “หมอต้อย” รู้ความต้องการลูกค้ากลุ่มนี้อยู่บ้าง แต่เพราะไม่เคยรับผิดชอบหรือทำธุรกิจด้วยตัวเอง เส้นทางนักธุรกิจของพ.ญ.นลินี จึงดูเหมือนว่าจะเริ่มต้นจากศูนย์ ทำให้ยิ่งต้องค้นหาความรู้ทั้งจากตำรา และการเข้าชั้นเรียนเพื่อเสริมความรู้ด้านธุรกิจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น แม้ในช่วงแรกจะมีเสียงคัดค้านจากคนรอบข้างอยู่บ้าง เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มถดถอยก่อนปี 2540 ซึ่งเป็นการยากที่แบรนด์ใหม่จะแจ้งเกิดในตลาด แต่เสียงความมุ่งมั่นของพ.ญ.นลินีดังกว่า ทุกคนต้องการ “ความสวยงาม” และ “ความมั่นคง” ของชีวิต คือคำตอบที่เข้าถึงความรู้สึกคนทุกคนมากที่สุด จากจุดนี้จึงต่อยอดให้ “กิฟฟารีน” แบรนด์ขายตรงที่ “พ.ญ.นลินี” สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี 2538 ยืนได้อย่างแข็งแรง โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจไทยในปี 2540 พังครืนจากค่าเงินบาทลอยตัว และคนว่างงานกันมากขึ้น ทำให้ธุรกิจขายตรงเป็นทางออกของบางคนในช่วงนั้น หาจุดต่างแจ้งเกิด ด้วยความที่กิฟฟารีนเป็นสินค้าแบรนด์ไทย ขณะที่มีสินค้าแบบเดียวกันเป็นแบรนด์จากต่างประเทศทำตลาดอยู่มาก สนามที่พ.ญ.นลินีต้องลงแข่งขันจึงไม่ธรรมดา โจทย์ที่ต้องหาคำตอบ คือการหาจุดต่าง การใช้จุดต่าง (Differentiation) ในการวาง Positioning ของสินค้า เป็นสูตรที่หลายๆ สินค้าและบริการนำมาใช้เสมอ “กิฟฟารีน” ก็เช่นกันที่ต้องหาจุดต่าง และเนื่องจากเป็นธุรกิจขายตรง จุดต่างจึงต้องมีใน 2 ส่วน คือผลิตภัณฑ์ที่เสนอต่อลูกค้า และระบบบริหารเครือข่าย พ.ญ.นลินีบอกว่า “ความเป็นหมอสอนไว้ว่า ไม่ให้เชื่ออะไรที่ไม่มีเหตุผล ดังนั้นเมื่อต้องเริ่มต้นบอกกับลูกค้า กิฟฟารีนเลือกวิธีชี้แจงส่วนผสมและวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน ให้ความรู้แก่ผู้ใช้ ทำให้ไม่มีข้อโต้แย้งได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนต่างจากแบรนด์อื่น” ส่วนความต่างที่ให้กับสมาชิกเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขยายจำนวนมาสมาชิกที่ถือเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า คือ นอกจากให้ส่วนแบ่งในเปอร์เซ็นต์ที่สูงแล้ว ยังให้ความรู้สึกแก่สมาชิกว่าเป็นเสมือนผู้ถือหุ้นบริษัทที่สามารถรับรู้รายจ่าย รายได้ของบริษัทอีกด้วย สูตรบริหาร หากถามถึงหลักการทำงานแล้ว พ.ญ.นลินีบอกว่ามี 2 หลักใหญ่ หลักการแรกคือความระมัดระวัง เมื่อมีข้อผิดพลาด ให้เร่งหาสาเหตุโดยเร็วที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ถูกจุด “เมื่อเราไม่ได้มีพื้นฐานทางธุรกิจมาก่อน เวลาทำก็ต้องบริหารจัดการงานด้วยความระมัดระวัง เพราะเราไม่มีประสบการณ์ เราเริ่มกิจการจากกิจการเล็กๆ เริ่มต้นจากศูนย์ จึงต้องค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ เติบโต เรียนรู้ปัญหา ข้อผิดพลาด เรียกได้ว่าเติบโตจากการเรียนผิดเรียนถูก ข้อบกพร่อง Trial and Error และต้องตรวจสอบตัวเองตลอดเวลา เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นต้องรีบแก้ไข หาสาเหตุให้เร็วที่สุด” หลักการที่สองพ.ญ.นลินีใช้หลักจิตวิทยา ในการบริหารบุคลากร และเครือข่ายของกิฟฟารีน ด้วยหลักการคิดที่ว่าทำให้คนที่ทำงานด้วยมีความสุข เห็นใจซึ่งกันและกัน คิดถึงใจคนที่มาอยู่ด้วยกัน ให้เขาเติบโต และมีความเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน เติบโตไปด้วยกัน ไม่ Centralize ที่ตัวเอง ต้องรู้ว่าคนทำงานกับเรา เขาต้องการอะไรและรับฟังความคิดเห็นของเขา ส่วนจะมีบ้างหรือไม่สำหรับพ.ญ.นลินีที่เกิดความรู้สึกท้อแท้ คำตอบโดยอัตโนมัติจากพ.ญ.นลินี คือไม่เคยท้อ ปัญหาที่เข้ามาถือเป็นความท้าทาย อุปสรรคที่เข้ามาต้องรีบคิดหาสาเหตุและแก้ไขให้ได้ ส่วนกำลังใจที่สำคัญคือมาจากครอบครัว และความที่ต้องรับผิดชอบต่อคนจำนวนมาก สวยปิ๊งเสริมแบรนด์ เมื่อเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามและสุขภาพ พ.ญ.นลินีบอกว่าการวาง Positioning ตัวเองเพื่อให้สะท้อนแบรนด์สินค้าเป็นสิ่งจำเป็น “บุคลิกเราเป็นแบรนด์เหมือนกัน ธุรกิจเราต่างจากธุรกิจค้าปลีก Consumer Product ทั่วไป เราต้องแสดงความเป็นธุรกิจขายตรง และเครือข่าย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตัวเราเป็นจะบ่งบอกถึงสินค้าของเรา เมื่อเราเป็นธุรกิจขายตรงให้ความจริงใจกับสมาชิกและลูกค้า เพราะฉะนั้นเวลาพูดกับใครต้องชัดเจน ตัวเองก็เป็นคน Clear อยู่แล้ว และที่สำคัญต้องใช้ Prodcut ของตัวเอง” จึงเป็นภาพที่พบเห็นเสมอสำหรับ “พ.ญ.นลินี” เมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชนมักสวยปิ๊ง และเนี้ยบ แม้ชุดที่คุ้นตาที่สุดคือในชุดสูททำงานสุดเท่ แต่จริงๆ แล้วพ.ญ.นลินีบอกว่า ส่วนตัวเป็นคนง่ายๆ ไม่ชอบแต่งตัว บางครั้งก็ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เพียงแต่การแต่งกายในช่วงทำงาน หรือออกงานต่างๆ ก็ต้องให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ ที่สำคัญคือ ไม่ได้เป็นคนที่ยึดติดว่าต้องใส่ชุดของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง สำหรับชุดที่สวมใส่ประจำเช่น Flynow และ G2000 ซึ่งความลงตัวตลอดเวลานั้น ทั้งหมดเป็นฝีมือเลือก และแต่งด้วยตัวเองของพ.ญ.นลินี โดยไม่จำเป็นต้องมีดีไซเนอร์มาช่วยจัดให้แต่อย่างใด ส่งพลังลุยปี2008-2009ปี 2007 สำหรับกิฟฟารีนแล้วทั้งจากยอดขายที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญพ.ญ.นลินีได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 ของนักธุรกิจไทย จากทั้งหมด 15 คนทั่วโลกที่ได้รับรางวัลนักธุรกิจสตรีดีเด่นโลก ปี 2007 (Leading Women Enterpreneurs of the World 2007) ซึ่งพ.ญ.นลินีบอกว่าถือเป็นช่วงสำคัญของจังหวะชีวิตในปีนี้ จากจุดนี้ พ.ญ.นลินีบอกว่าผลงานในปี 2007 สะท้อนให้เห็นความก้าวหน้าของธุรกิจกิฟฟารีน ในด้านความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นวัดจากผลประกอบการ เพราะรางวัลนักธุรกิจสตรีดีเด่นโลกซึ่งพิจารณาจากผลประกอบการของธุรกิจที่ทำอยู่ด้วย ส่วนที่สอง มองว่าคนไทยเริ่มเข้าใจแบรนด์ และมองธุรกิจกิฟฟารีนเป็นมิตรมากขึ้น ผลที่งอกงามสำหรับพ.ญ.นลินีในปี 2007 มาจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้เป็นปีที่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์สร้างให้ลูกค้ายอมรับนับถือแบรนด์กิฟฟารีนให้มากที่สุด ซึ่งนอกจากพ.ญ.นลินีจะบริหารธุรกิจด้วยตัวเองแล้ว ยังเป็นครีเอทีฟดูแลหนังโฆษณาด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 2006 แม้ “กิฟฟารีน” จะไม่ได้ทำธุรกิจแบบเดียวกับแบรนด์ “มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์” ของอังกฤษ ที่พ.ญ.นลินีเลือกเป็นแบรนด์ที่ชื่นชอบ ด้วยเหตุผลว่าเพราะมี Products ทุกอย่าง ลูกค้าที่เข้าไปซื้อของที่นี่จะซื้อด้วยความมั่นใจ เป็นแบรนด์ของคนทั่วโลก ที่น่าสนใจเพราะสามารถทำสำเร็จในการจับตลาด Mass ได้หมด แต่การเข้าถึง Mass คือเป้าหมายเดียวกัน โดยเฉพาะปี 2008 ที่พ.ญ.นลินีวางแผนให้กิฟฟารีนมีผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสนองตอบลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม B ถึง C+ และให้ผู้ที่มาร่วมธุรกิจมีโอกาสเติบโตมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือให้แบรนด์กิฟฟารีนแข็งแรง เป็นที่ประทับใจของลูกค้าจำนวนมากเหมือนกัน Profile แบรนด์ : กิฟฟารีน ลักษณะธุรกิจ : ระบบธุรกิจขายตรง MLM (Multi Level Marketing) รายได้ : ปี 2549 - 3,400 ล้านบาท ปี 2550 - คาด 3,900 ล้านบาท รวม 11 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ สร้างยอดขายรวม 23,000 ล้านบาท งบการตลาด : ปี 2550 มูลค่า 60-80 ล้านบาท Name : แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ Age : 48 ปี Education : มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แพทย์ศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวชวิทยา) Career Highlights : 2538-ปัจจุบัน ประธานกรรมการ บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ประธานกรรมการ โรงเรียนศิลปะศาสตร์การแต่งหน้า กิฟฟารีน ประธานกรรมการ โรงเรียนรังสฤษฎ์สองภาษา 2530-2538 กรรมการผู้จัดการ บริษัทสุพรีเดอร์ม คอสเมติค จำกัด 2527-2532 สูตินรีแพทย์ แผนกสูติ-นรีกรรม โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมการแพทย์ทหารอากาศ Lifestyle : -หนังสือที่อ่านประจำมี 2 ประเภท คือหนังสือที่ต้องอ่านเพื่อความรู้ และต้องรู้ คือหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจ และการตลาด และหนังสือที่อ่านเพื่อความสุข มีทั้งหนังสือการ์ตูน บันเทิง -งานอดิเรก งานกุศลตั้งแต่รูปแบบการไปวัด เพื่อปล่อยปลา ให้อาหารปลา ไปจนถึงการสนับสนุนงบประจำสำหรับศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง -ของสะสมที่ชื่นชอบ คือตุ๊กตา เก็บไว้ทั้งในห้องทำงาน และห้องนอนส่วนตัว เพราะเห็นตุ๊กตาแล้วมีความรู้สึกสบายใจ
ที่มา : สุกรี แมนชัยนิมิต Positioning Magazine http://www.positioningmag.com/magazine/Details.aspx?id=64864

http://www.no-poor.com/ http://www.up-toyou.net/

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สาเหตุหนึ่งที่เข้าร่วมทำธุรกิจกิฟฟารีน

++อยากมีรายได้เสริม
++อาชีพเสริมที่ไม่ต้องลงทุนสูง
ดิฉันเป็นครู เงินเดือนน้อยจึงอยากมีรายได้เสริม แต่หลังจากทำกิฟฟารีนพบว่ารายได้มากกว่างานประจำเสียอีก
วิธีการทำงาน: พาตัวเองและทีมเข้าศึกษาหาควารู้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากที่ประชุม และจากคนที่ประสบความสำเร็จ จาก upline และ sideline จากนั้นลาออกจากงานประจำมาทำกิฟฟารีนเต็มเวลา ประสบการณ์การทำธุรกิจที่ผ่านมาทำให้ดิฉันพบว่า ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราเอง มุ่งมั่นอดทน ฟันฝ่าอุปสรรคให้ได้ มีสติ คิดดี ทำดี จะได้สิ่งดี ๆ ตามมา
ผมซ่อมรถอยู่เกือบ 10 ปี แต่ชีวิตผ่านไปวัน ๆ จึงเริ่มมองหาอาชีพที่ไม่ต้องลงทุนสูง ไม่มีความเสี่ยง และไม่ต้องเป็นหนี้ใคร ไม่ต้องออกจากงานประจำ ไม่ต้องอาศัยทำเล จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาขายสินค้ากิฟฟารีนให้กับผม
วิธีการทำงาน:เข้าร่วมสัมมนาที่ศูนย์ ทำให้เข้าใจแผนการตลาด และตอบโจทย์ที่ผมสงสัยได้ทุกข้อ ผมลงมือทำเป็นธุรกิจ ประมาณ 2 เดือนก็เห็นรายได้ ภรรยาผมจึงเริ่มเปิดใจและช่วยขยายงาน ผมอาศัยความขยัน มุ่งมั่น ทุ่มเท ท้อบ้างแต่อย่าคิดถอย เพราะกิฟฟารีนคือความหวังและอนาคตของครอบครัวเรา ล้มลุกคลุกคลานไปข้างหน้า ดีกว่ายืนเต๊ะท่าอยู่กับที่
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

นายจ้าง-ลูกจ้างเตรียมรับมือไข้หวัด 2009 ระบาดรอบสอง

นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมและนิทรรศการการสร้างเสริมสุขภาพในสถานประกอบการโดยมีนายจ้างและลูกจ้างจากสถานประกอบการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เข้าร่วมงานกว่า 1,000 คนว่าการประชุมวันนี้เป็นการประชุมเพื่อเน้นให้นายจ้างและลูกจ้างได้ตระหนักถึงการดูแลป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะกลับมาแพร่ระบาดในรอบที่สอง อาทิ นายจ้างควรจัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของลูกจ้างก่อนเข้าทำงาน พร้อมทั้งจัดจุดบริการเจลอนามัย สำหรับล้างมือให้กับลูกจ้าง
ขณะที่ลูกจ้าง ควรป้องกันตนเอง ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยขณะทำงานหรืออยู่ในที่คนแออัด รวมถึงออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรค หากผู้ประกันตนที่แพทย์วินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคดังกล่าว สามารถใช้สิทธิเข้ารับการรักษา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานยอดผู้ประกันตนที่ติดเชื้อดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อเป็นผู้สูงอายุ และเด็กเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย
แหล่งที่มา: http://blog.beenverified.com/what-to-look-for-in-2009or-what-companies-will-survive-the-coming-economic-storm/2008/10/20/
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

หุ้นไทยผันผวน เหตุกังวลการเมือง

บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 ส.ค. ดัชนีแกว่งตัวผันผวน แต่สามารถปิดบวกได้ โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 661.04 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 654.89 จุด จนมาปิดตลาดที่ 658.28 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด หรือร้อยละ 0.43 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24,007.44 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็ม เอ ไอ ปิดที่ 180.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 270.60 ล้านบาท
ด้านสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิที่ 30.07 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 329.77 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 359.84 ล้านบาท โดยนายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผอ.อาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนบางช่วงบวกได้ แต่บางช่วงติดลบเล็กน้อย โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลางและเล็กที่ได้รับประโยชน์จากการลดลงของราคาน้ำมันดิบ เช่น ขนส่ง และโรงกลั่น แต่ช่วงบ่ายมีแรงเทขายหุ้นพลังงานและธนาคารออกมา เพราะนักลงทุนกลับมากังวลการเมืองในประเทศอีกครั้ง หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคัดค้านการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภา
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) มองว่า ดัชนียังแกว่งตัวผันผวนและอาจเผชิญแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมา หากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 660 จุด เพราะนักลงทุนยังกังวลเรื่องการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดยต้องติดตามราคาน้ำมันดิบ และการปรับตัวของตลาดต่างประเทศ ประเมินแนวรับที่ 650-653 จุด และแนวต้าน 662-665 จุด ด้านกลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็ก.-สำนักข่าวไทย
ที่มา: http://news.mcot.net/economic/inside.php?value=bmlkPTExMTc4MiZudHlwZT10ZXh0
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

Google Docs สนับสนุนการเขียนสมการแล้ว

Fri, 18/09/2009 - 9:12pm สำหรับหลายๆ คน ที่เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้โปรแกรมจัดหน้าเอกสารนั้นจำเป็นที่จะต้องยุ่งเกี่ยวกับการแทรกสมการต่างๆ ตอนนี้ Google Docs บริการเอกสารออนไลน์ของกูเกิลเองก็สนับสนุนการเขียนสมการทางวิทยาศาสตร์แล้วครับ
สมการที่แทรกนั้นเป็นสมการรูปแบบเดียวกันกับรูปแบบ LaTeX ที่นิยมกันในการตีพิมพ์เอกสารวิชาการของวงการวิทยาศาสตร์ ถึงแม้ว่าอาจจะดูสร้างยากไปเล็กน้อยสำหรับผู้ใช้มือใหม่ แต่ก็มีฟังก์ชันต่างๆ เกือบครบ โดยที่สามารถแทรกไปในเอกสารได้ง่ายๆ จากการใช้คำสั่ง Equation ในเมนู Insert (ดูรูปประกอบ)
นับว่าคงได้ใจหลายคนไปอีกทีเดียว (Office Web Apps จะทำได้บ้างไหมเนี่ย)ที่มา: http://kalanyuz.com/aggregator/sources/1
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

Facebook ช่วยจับคนร้าย

เคยมีข่าวการจับตัวคนร้ายขโมยของ และใช้เทคโนโลยีมาช่วยตามคืนมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น SETI หรือ Macbook ซึ่งทั้ง 2 กรณีสามารถติดตาม laptop ที่ถูกขโมยไปกลับมาได้
คราวนี้เป็นคิวของ Facebook ครับ
เรื่องเกิดขึ้นในเพนซิลวาเนีย โดยหัวขโมยรายนี้เข้าไปขโมยแหวนเพชรในบ้านหลังหนึ่ง แล้วก็สามารถหลบหนีออกมาได้ ก่อนที่จะโดนจับในเวลาต่อมา โดยตำรวจสามารถติดตามจับขโมยรายนี้ได้เพราะว่า ดันแอบไปใช้คอมพิวเตอร์ของเจ้าของบ้านล็อกอินเข้า Facebook
แต่ดันลืมล็อกเอาท์
ทำให้ตำรวจสามารถตามไปจับกุมได้ในที่สุด
ต่อไปจะมีขโมยที่ไหน tweet ระหว่างปฏิบัติการบ้างไหมครับ
ที่มา: http://kalanyuz.com/aggregator/sources/1
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ไมโครซอฟท์จะสนับสนุนมัลติมีเดียแท็กใน HTML 5

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คุณ Mark Pilgrim จากกูเกิลได้ขึ้นบทความในหัวข้อ This Week in HTML 5 ตอนที่ 35 ซึ่งเกี่ยวข้องกับความพยายามในการผลักดันมาตรฐาน HTML 5 โดยคุณ Pilgrim ได้อ้างว่า คุณ Adrian Bateman ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์และเป็นคนให้ข้อเสนอแนะ HTML 5 ฉบับร่างจากทางไมโครซอฟท์ ว่าไมโครซอฟท์จะสนับสนุนมัลติมีเดียแท็ก (multimedia tags)
โดยเริ่มต้น ไมโครซอฟท์ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการร่าง HTML 5 กับทาง WHATWG (Web Hypertext Application Technology Working Group) แต่ถึงกระนั้นไมโครซอฟท์ก็ได้พัฒนาบางฟีเจอร์จาก HTML 5 อาทิ DOM Storage** หรือแอททริบิวท์ contentEditable ลงในเบราว์เซอร์ของตน แต่เมื่อเดือนที่แล้ว คุณ Bateman ก็ได้เข้าร่วมในการปรับปรุงร่าง HTML 5 (ดูข่าวเก่า โดยคุณ lew)
ล่าสุด คุณ Bateman ได้โพสต์ข้อความลง W3C mailing list ว่า "ไมโครซอฟท์สนับสนุนแท็ก <video> และ <audio> ในร่าง HTML 5" ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเปิดเผยความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มแอททริบิวท์ที่ระบุ metadata ยังส่วนที่ระบุแหล่งของสื่อมีเดีย (media source element) และเพิ่มกระบวนการแจ้งเตือนเหตุการณ์ของการสตรีมมีเดีย (media stream event notification mechanism) ที่คล้ายกับการซิงโครนัส text transcript อีกด้วย
ที่มา: http://kalanyuz.com/aggregator/sources/1
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

Firefox ก็รองรับ WebGL แล้ว

จากข่าวเก่า WebKit เริ่มรองรับ WebGL ตอนนี้เป็นคิวของ Firefox ที่รองรับ WebGL แล้วเช่นกัน
การสนับสนุน WebGL ของ Firefox เป็นโครงการต่อเนื่องที่ Mozilla ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2007 คือการทดลอง Canvas 3D (Canvas ที่วาดภาพสามมิติได้) ซึ่งในภายหลัง Mozilla ได้ร่วมมือกับ Khronos Group เพื่อผลักดันให้ WebGL กลายเป็นมาตรฐาน
ผู้ที่สนใจทดลองต้องดาวน์โหลด Firefox รุ่น trunk nightly build หลังวันที่ 18 กันยายนเป็นต้นมา และเปิดใช้ความสามารถนี้ผ่าน about:config วิธีการดูได้ตามลิงก์ที่มา
ทีมงาน Mozilla กำลังหาวิธีที่ให้ WebGL ทำงานบน API อื่นๆ ในกรณีที่เครื่องไม่มี OpenGL ได้ด้วย เช่น Direct3D
ที่มา: http://kalanyuz.com/aggregator/sources/1
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

Eric Schmidt: ผลิตภัณฑ์ของกูเกิลที่ผมชอบที่สุดคือ Chrome

Danny Sullivan แห่งเว็บไซต์ Search Engine Land มีโอกาสคุยกับ Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิล และถามคำถามว่า "คุณชอบผลิตภัณฑ์ตัวไหนของกูเกิลมากที่สุด?"
คำตอบของ Schmidt ไม่ใช่ว่า "ชอบทุกตัวเท่ากัน" แต่ตอบมายาวๆ ดังนี้ (ต้นฉบับดูได้จากที่มา)
ผลิตภัณฑ์ที่ผมชอบที่สุดคือ Chrome อันนี้ตอบโดยส่วนตัวนะ สาเหตุเพราะการออกแบบ Chrome มีความละเอียดอ่อนแทรกอยู่มาก ทีมพัฒนา Chrome ใส่ใจในรายละเอียดซึ่งช่วยให้ Chrome ทำงานเร็วกว่าคู่แข่งและใช้งานได้ง่าย เมื่อคุณเริ่มใช้ Chrome แล้วจะไม่อยากกลับไปใช้เบราว์เซอร์ตัวอื่นอีกเลย ความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อธิบายได้ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมชอบ และแน่นอนว่ารายละเอียดเหล่านี้จะไปอยู่ใน Chrome OS ด้วย
ผมบอกกับทีม Chrome ว่าการออกแบบ Chrome นั้นเรียบง่ายแต่งดงาม เช่นเดียวกับการออกแบบกูเกิลของ Larry และ Sergey มันแสดงออกถึงความฉลาดของผู้พัฒนา และผมคิดว่าคนมักไม่ค่อยพูดถึงประเด็นนี้กันสักเท่าไร
ที่มา: http://kalanyuz.com/aggregator/sources/1
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ก้าวไปอีกขั้น: เลโนโว T400s รุ่นใหม่มาพร้อมกับทัชสกรีน

เลโนโวได้ก้าวไปอีกขั้น ทำการเปิดตัว T400s ที่มาพร้อมกับออปชันทัชสกรีนและคุณสมบัติมัลติทัชให้เลือกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
eWeek ได้ทำการรีวิวรุ่นดังกล่าว พบว่าจอภาพมีความหนากว่ารุ่นปกติเล็กน้อย สามารถตอบสนองมัลติทัช รวมถึง finger gesture ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นข้อพับยังมีความแข็งขึ้นเพื่อรองรับการสัมผัสบนจอภาพ
สนนราคาอยู่ที่ 1,999 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาแพงกว่า T400s สเปกเดียวกันแต่ไม่มีทัชสกรีนอยู่ 400 ดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากรุ่น T400s แล้ว เลโนโวยังอัพเดตรุ่น X200 Tablet ให้รองรับมัลติทัชอีกด้วย
ฟีเจอร์มากขึ้น มาพร้อมกับคุณภาพที่ลดลงหรือเปล่า!?
ที่มา: http://kalanyuz.com/aggregator/sources/1
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษแห่งปี “Why Giffarine ?”

เปิดตัวไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่ กับโฆษณาชุดพิเศษแห่งปี เพื่อไขข้อข้องใจว่าทำไมกิฟฟารีนถึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดโดยงานนี้ พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัดลงทุนเป็น Creative Director ด้วยตัวเอง ซึ่งนำเสนอแนวคิดต่างๆ ผ่านทางโฆษณาชุด “Why Giffarine ?” ที่มีทั้งหมดถึง 7 เรื่องนอกจากนี้ พญ.นลินี ไพบูลย์ ยัง รับบทเป็น Presenter
ในเรื่องแรก ซึ่งมีเนื้อหาหลักคือ “ใครก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้” เพื่อตอกย้ำโอกาสแห่งความสำเร็จทางธุรกิจกับกิฟฟารีนเรื่องที่ 2 เป็นการนำเสนอคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงผ่านระบบการผลิตที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล โดยมี นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์ รับหน้าที่เป็น Presenter
ตามมาด้วยโฆษณาล้ำยุคที่ใช้งบประมาณมากที่สุดเพราะใช้ภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิค หรือ ซีจี ในการดำเนินเรื่องราวของการเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจที่ ประสบความสำเร็จ ซึ่งนำแสดงโดย คุณพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด และ คุณภูดิท ภควลีธร ผู้บริหารระดับ พาราไดซ์
และ 4 เรื่องสุดท้ายนำเสนอความสำเร็จของสมาชิกกลุ่ม Generation Yติดตามชมโฆษณาทั้งหมดได้ทางช่อง 3 5 7 และ 9 ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
บทสัมภาษณ์จาก นิตยสารเส้นขอบฟ้า ฉบับเดือน สิงหาคม 2552Giffarine TVC 2009 (Behind The Scene)โดยแพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ประธานกรรมการบริษัท สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด และกลุ่มบริษัทเครือ กิฟฟารีน(Creative Director & Presenter "Why ?")
"เรานำเสนอภาพยนตร์โฆษณา ถึง 3 ชุด เพราะต้องการให้ประชาชนเข้าใจในการดำเนินธุรกิจกิฟฟารีน ซึ่งเราถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่คนไทยยังไม่คุ้นเคย
• ชุดแรก ที่หมอเป็นพรีเซ็นเตอร์เองจะแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างของเครือข่ายผู้ใช้สินค้าซึ่งจะเป็นสมบัติของผู้ที่เข้ามาเป็นนักธุรกิจกิฟฟารีนภาพยนตร์จึงพยายามจะสื่อให้เห็นว่าการทำงานกิฟฟารีน เริ่มต้นจากตัวเขาเองที่ใช้สินค้า เมื่อชวนเพื่อนแล้ว เครือข่ายจะเกิดขึ้นได้อย่างไรและจะมีรายได้กลับมาได้อย่างไร
• สำหรับเรื่องที่ 2 จะช่วยตอกย้ำความมั่นใจในด้านผลิตภัณฑ์ สืบเนื่องจากปีที่แล้วซึ่งคุณหมอ จักรพงศ์ ไพบูลย์จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ผู้มาเล่าให้ฟังว่า เรามีกระบวนการคัดสรรสินค้าอย่างไรมีกระบวนการกลั่นกรองวัตถุดิบ และกระบวนการผลิต อย่างไรเพื่อผู้บริโภคจะได้มั่นใจได้ว่า ณ วันนี้ ผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทย
• สำหรับเรื่องที่ 3 ซึ่งคุณ พงศ์พสุ อุณาพรหม เป็นพรีเซ็นเตอร์เป็นเรื่องที่เราพยายามที่จะตอกย้ำอีกจุดเด่นของกิฟฟารีนว่าเรามีระบบช่วยเหลือและสนับสนุนที่ดีที่สุดในโลกเราสามารถทำให้คนไทยคนหนึ่งซึ่งอาจไม่เคยทำธุรกิจเลยสามารถก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจ การสร้างกิจการและสร้างธุรกิจของตัวเองให้เติบโตได้โดยใช้เงินลงทุนที่น้อยที่สุด
หวังว่าทั้ง 3 เรื่องนี้ จะตอบโจทย์ ที่เราต้องการสร้างความเข้าใจที่แท้จริงของคนไทยเกี่ยวกับวิธีการทำงานของกิฟฟารีนและเป็นงานที่เรามีความตั้งใจจะเชิญคนไทยทุกคนเข้ามาร่วมธุรกิจกับเราค่ะ"
สินค้าใหม่กำลังจะเปิดตัว ในวันที่ 5 ก.ย นี้ในงานฉลองครบรอบ 13 ปีครึ่ง ที่ไบเทค บางนา
ที่มา : http://herbalife.smf4u.com/index.php?topic=55.40;wap2
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 163 ปักษ์แรก ประจำวันท่ 1-15 กันยายน 2552
ที่มา : http://www.sumret.com
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

"กิฟฟารีน" รุกเดือด! "หมอต้อย" อัดงบ "80ล้านบาท" สั่งทำคลอดโฆษณาใหม่ 7 ตัวรวดถึงสิ้นปีนี้ ภายใต้แนวคิด Why Giffarine?

ตอกย้ำความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ เผยยอดขายมิ.ย.-ก.ค.เติบโตมากกว่า 10 % คาดสิ้นปีผลักดันยอดขาย รวมเติบโตพุ่งสู่ 5,000 ล้านบาท จาก 4,200 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโต 8% เป็นที่น่าพอใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยอดขายในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. มีอัตราการเติบโตกว่า 10% หลังจากก่อนหน้านี้โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.มียอดขายลดลงมาก เพราะได้รับผลกระทบจากการเมือง
สำหรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง บริษัทได้ใช้งบ 80 ล้านบาท ผลิตโฆษณาชุดใหม่ 7 ชุด เพื่อสร้างแบรนด์และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Why Giffarine" เพื่อตอบโจทย์ว่าทำไมกิฟฟารีนจึงเป็นธุรกิจที่โดดเด่นและน่าสนใจ ออกแบบมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจ และเชิญชวนให้คนไทยมาร่วมทำธุรกิจกิฟฟารีน รวมถึงสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ ในขั้นต้นได้เปิดตัวโฆษณา 3 ตัวแรกก่อน ส่วนอีก 4 ตัวกำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำและขั้นตอนการตัดต่อ
โดยโฆษณา 3 ชุดแรก ได้ทยอยออกอากาศไปแล้ว ทางสถานีโทรทัศน์ยอดนิยมในช่วงไพรม์ไทม์ เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้สำหรับโฆษณาอีก 4 ชุดที่เหลือจะเริ่มเผยแพร่ออกมาเป็นระยะจนถึงสิ้นปีนี้ โดยเป็นการนำเสนอ "ผู้นำนักธุรกิจกิฟฟารีน" ที่ประสบความสำเร็จ ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับโฆษณา 3 ชุดแรก แบ่งออกเป็น เรื่องแรก นำเสนอ โดย พญ.นลินีที่ถ่ายทอดมุมมองที่เชื่อว่า คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของกิจการได้ ด้วยหลักการง่ายๆ ของธุรกิจกิฟฟารีน คือการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค ที่เป็นลิขสิทธิ์ของเราเอง สามารถประสบความสำเร็จได้จริง ด้วยหลักการบริหารจัดการที่ช่วยสร้างวิธีการทำงาน และระบบสนับสนุนที่ดีที่สุด ไม่มีความเสี่ยง ไม่ต้องลงทุน และเป็นมรดกของผู้สร้างเครือข่ายตลอดไป
เรื่องที่สอง นำเสนอ โดย นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์ รองประธานกรรมการบริษัทฯ กับโฆษณาที่เน้นจรรยาบรรณในการทำธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเห็นถึงความตั้งใจที่ดีของกิฟฟารีน ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด และมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค เป็นการนำเสนอจุดขายของผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และการเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ที่มีผลงานวิจัยเป็นที่ยอมรับ และพัฒนาสูตรให้เหมาะสมกับคนไทย
และเรื่องที่สาม นำเสนอ โดย นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด ตอกย้ำอีกจุดเด่นของกิฟฟารีน ว่ามีระบบช่วยเหลือสนับสนุนดีที่สุดในโลก สามารถทำให้คนไทยคนหนึ่งซึ่งอาจไม่เคยทำธุรกิจเลย สามารถก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจเรียนรู้เรื่องการบริหารกิจการ สร้างกิจการ และสร้างธุรกิจของตัวเองให้เติบโตได้ โดยใช้เงินลงทุนน้อยที่สุด
นอกจากนี้แผนการดำเนินธุรกิจของกิฟฟารีนในปีนี้ ยังเน้นหนักในเรื่องของการกระตุ้นยอดขาย และการเคลื่อนไหวกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ ทั้งในส่วนของนักธุรกิจเครือข่ายและสมาชิกผู้บริโภคสินค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าเพิ่มช่องทาง ศูนย์กิฟฟารีน ไลเซ่นส์ ทำให้คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถดันยอดขายให้เติบโตได้ 10 - 15 % หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท เพิ่มจาก 4,200 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 163 ปักษ์แรก ประจำวันท่ 1-15 กันยายน 2552
ที่มา : http://www.sumret.com
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/