กิฟฟารีน giffarine www.no-poor.com
ธุรกิจเสริม กิฟฟารีน
กิฟฟารีน ธุรกิจเสริม อาชีพเสริม รายได้เสริมออนไลน์ ปรึกษาเรา ตรวจสอบดวงชะตา ศึกษาพลังธาตุในตัวคุณ วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน ภาวะผู้นำและลักษณะงานที่เหมาะกับคุณ ก่อนเริ่มธุรกิจ-คุยกับเราที่ no-poor.com

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

มือบริหารขายตรง''กิฟฟารีน'' พ.ญ. นลินี ไพบูลย์

เธอได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมการขายตรงไทย ( TDSA ) เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2549 ที่ผ่านมา
และยังเป็น 1 ใน 10 ของนักธุรกิจสตรีไทยที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง นักธุรกิจสตรีดีเด่นโลก ปี 2549
พ.ญ. นลินี ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด หรือ หมอต้อย ผันชีวิตจากอดีตหมอสูตินารี มาเป็นนักธุรกิจขายตรงระดับพันล้าน โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี หลังจากการเปิดคลินิกนอกเวลาแห่งแรกที่ย่านห้วยขวางและได้เปลี่ยนจากคลินิกรักษาโรคทั่วไป มาเป็นคลีนิครับปรึกษาเรื่องความงาม เธอเริ่มจากการรับยาจากหมอท่านอื่นมาขายต่อรวมทั้งดัดแปลงสูตรเพื่อให้คุณภาพ จนเมื่อมีลูกค้าให้การตอบรับมากยิ่งขึ้น จึงได้คิดขยับขยายช่องทางการตลาด และนับเป็นจุดเริ่มของเธอ
ช่วงแรกหมอตั้งใจจะขายไปสู่ช่องทางขายปลีก แต่เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก เช่นหากจะเอาสินค้าไปวาง เช่นต้องมีค่าแรกเข้า ค่าโฆษณา และต้องมีสต๊อกสินค้าชัดเจน คิดแล้วเป็นจำนวนเงินนับสิบล้านบาท แล้วเราจะเอาเงินมาจากไหน แต่หลังจากที่ได้คำแนะนำเรื่องการขายตรงจากเพื่อน เธอพบว่าวิธีนี้นอกจากจะเป็นการช่วยกระจายสินค้าและบริการ ส่วนต่างที่ไม่ต้องจ่ายให้กับห้างร้าน ยังมาเป็นเงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ทำหน้าที่ขายตรงแทน จึงได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ โดยร่วมกับสามี บุกเบิกธุรกิจขายตรงในชื่อว่า สุพรีเดอร์ม
ศึกษาและทำอย่างจริงจังนานอยู่ 9 ปี แต่หลังจากเลิกกับสามี หมอต้อยจึงได้แยกออกสร้างอาณาจักรธุรกิจขายตรง ในชื่อว่า กิฟฟารีน ด้วยเงินทุนที่ติดตัวมาขณะนั้น 100 ล้านบาท
เพียงปีแรกกิฟฟารีนก็ทำเป้ายอดขายทะลุ 348 ล้านบาท จนสินค้าขาดตลาดไม่พอจำหน่าย ก่อนจะไต่สู่ยอดขายระดับพันจนมาเป็น 2,600 ล้านบาทในปี 2547 และ, 2,890 ล้านบาท ในปี 2548 หรือเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 10.5% และในปี 2549 คาดว่าจะขายได้ตามเป้าจากที่วางไว้16% ในจำนวน 3,300 ล้านบาท โดยบริษัทเพิ่งฉลองยอดขายทะลุ 3,000 ล้านบาท เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาหรือหลังจากที่บริษัทตั้งมาได้ 10 ปีเศษ
ความสำเร็จของกิฟฟารีน มาจากการวางโมเดลธุรกิจของความต่าง ( differentiation )ที่โดนใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งการวางโปรดักซ์และบริการที่เข้าถึง-ครอบคลุมทุกเป้าหมาย อันเนื่องจากการให้ความสำคัญกับฐานข้อมูลลูกค้า และการทำตลาดในเชิงบูรณาการ ผ่านการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ท หรือการตั้งแผนกR&D นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้กับกระบวนการผลิต เพื่อให้ราคาปลายทางเป็นที่ยอมรับของลูกค้า
แต่เหนืออื่นนั้น ก็คือการที่เธอสามารถบริหารโครงข่ายใยแมงมุม ตัวแทนขายตรงที่มีมากถึง 4.08 ล้านคน
พ.ญ.นลินีเคยกล่าวว่า ความจริงแล้วในด้านวัตถุดิบ คุณภาพและราคากิฟฟารีนไม่ได้แตกต่างไปจากสินค้าในตลาดเลย แต่ที่ให้ความสำคัญ ก็คือผลตอบแทนที่จ่ายให้กับฝ่ายขาย ซึ่งได้เอางบประมาณการตลาด ค่าใช้จ่ายในช่องทางขายปลีกมาจ่ายคืนกลับไปแก่ตัวแทนขายสินค้า เพราะเราถือว่าคนเหล่านี้เป็นหุ้นส่วน มีส่วนร่วมในการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค จึงมีส่วนในการรับรู้ทั้งรายได้ผลประกอบการ กำไรและค่าใช้จ่ายต่าง ๆของบริษัท ที่อยากให้แฮปปี้กับการทำงานกัน
และการเพิ่มเครือข่ายขายตรง ที่เห็นชัดอีกทางก็คือการสื่อผ่านโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาในชุด เรียนหนังสือสูงแล้วมาทำงานนี้จะเหมาะกับหรือเปล่า, ชุดคนที่มีความรู้น้อยจะทำงานนี้ได้ไหม หรือชุดเจ้าของกิจการมาทำงานตรงนี้ก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของกิจการได้เหมือนกัน เพื่อสื่อว่าคนมีงานประจำหากรู้จักแบ่งเวลาหรือคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการเสี่ยง ก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการโดยอาศัยความสามารถของตัวเอง
ปัจจุบันกิฟฟารีนมีสมาชิกร่วม 4.08 ล้านคน แบ่งเป็นแม่ทีมที่ทำธุรกิจ จริง ๆ ถึง 3 แสนคน เทียบจากปีแรกที่มีสมาชิกขายตรงเพียง 5,000 คน พร้อมโรงงานแห่งใหม่ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด ซึ่งเธอบอกว่าสร้างไว้ก็เพื่อให้เป็นบ้านของสมาชิก ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของและผู้บริหารตัวจริงของบริษัท.
ไม่แปลกว่ากลยุทธ์นี้จะทำให้กิฟฟารีน รุดพรวดด้วยยอดขายทยานกว่า 3,000 ล้านบาท ที่มา : http://news.sanook.com/economic/economic_65731.php

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ไม่มีความคิดเห็น: