กิฟฟารีน giffarine www.no-poor.com
ธุรกิจเสริม กิฟฟารีน
กิฟฟารีน ธุรกิจเสริม อาชีพเสริม รายได้เสริมออนไลน์ ปรึกษาเรา ตรวจสอบดวงชะตา ศึกษาพลังธาตุในตัวคุณ วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน ภาวะผู้นำและลักษณะงานที่เหมาะกับคุณ ก่อนเริ่มธุรกิจ-คุยกับเราที่ no-poor.com

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แนะนำเว็บไซต์นักธุรกิจกิฟฟารีน

1)กิฟฟารีน giffarine ธุรกิจเสริม อาชีพเสริม เศรษฐีเงินล้านในยุค ...
กิฟฟารีน(giffarine) โอกาสทางธุรกิจ ทำงาน Online จากบ้าน ถ้าคุณกำลังมองหาอาชีพที่รองรับรายได้ ปรึกษาเราและเริ่มธุรกิจได้ที่นี่>>Click.
http://www.no-poor.com/


2)กิฟฟารีน giffarine เว็บไซต์ของนักธุรกิจเครือข่ายอิสระ ธุรกิจเสริม ...
บอกเล่าและรวบรวมเรื่องราวความสำเร็จจากธุรกิจเครือข่ายกิฟฟารีน (giffarine) แชร์ประสบการณ์ กลเม็ดเคล็ดลับในการทำงานให้สำเร็จ.
www.niranja.com

3)กิฟฟารีน รายได้เสริม-ออนไลน์ ช่องทางสร้างอาชีพ-Giffarine Giffarine ...กิฟฟารีน พลิกโฉม ธุรกิจรายได้เสริมออนไลน์-สร้างรายได้จากที่บ้าน: แผนที่นำทางหากไม่อยากตกเป็นเหยื่อ ธุรกิจรายได้เสริม.คุณควรรู้สิ่งเหล่านี้เอาไว้บ้าง!
www.anattara.com

4)สังคมออนไลน์กับธุรกิจกิฟฟารีน giffarine รายได้เสริม part time
ธุรกิจกิฟฟารีน Giffarine รายได้เสริม รายได้พิเศษ part time ด้วยการเปลี่ยนรายจ่ายในชีวิตประจำวันเป็นรายรับ ได้เงินง่ายๆ สบายๆ ร่วมเดินทางไปกับเรา.
www.baanyoucando.com

5)บ้านยูแคนดู : สร้างธุรกิจ ด้วยมิตรภาพ [แบ่งปันกิฟฟารีน:Giffarine ...
บ้านยูแคนดู : สร้างธุรกิจ ด้วยมิตรภาพ ที่นี่เราสร้างธุรกิจกิฟฟารีน (Giffarine) ด้วยมิตรภาพ เอื้อเฟื้อและแบ่งปัน สิ่งดีงาม.
www.you-can-do.net

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

มีแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์ สินค้าออกใหม่นะคะ เล่มละ 20 บาท สินค้าน่าใช้มาก

มีแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์ สินค้าออกใหม่นะคะ เล่มละ 20 บาท สินค้าน่าใช้มาก

สินค้ามาใหม่ได้แก่

-กลามูรัสอิงค์ไลเนอร์ เขียนขอบตาได้แบบง่ายและเส้นคม

-กลามูรัส บูเต้ อัลตร้ายูวี บล็อค SPF 70 .......ว้าววววว....

-ชุดเครื่องสำอางค์ ออกใหม่ Tenshi Collection ไม่แพ้เครื่องสำอางค์เกาหลีเลยค่ะ

-ชุด ครีมอาบน้ำ-แป้ง-น้ำหอม ของกลิ่นดอกไม้ 3 กลิ่น ได้แก่ ลีลาวดี โมก กระดังงา

-แคร์ คลีนแบบใหม่

-ชุดทดลอง มีถึง 17 รายการ ราคาเพียง 219 บาทเท่านั้น

-ผงซักฟอกใหม่

-ไฟเบอร์ผง

-โปรตีนเข้มข้น สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

-เครื่องดื่มรสส้ม

-เครื่องดื่มธัญญาหารงาดำ อร่อยมาก

-ยาชงมะขามแขก สำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผุก

-แป้งเค๊กสำเร็จรูป ทำง่ายๆและทำให้คุณสนุกกับการทำเค๊กไม่โครเวฟ

-น้ำสลัด สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

หลายรายการมากเลย สนใจแคตตาล๊อกซื้อได้ทุกศูนย์ไกล้บ้านนะคะ

ที่มา : http://egiff.com/answer_view.php?id_ques=1

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

กิฟฟารีนทุ่ม 100ล. รุกมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง

กิฟฟารีนทุ่ม 100ล. รุกมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง
ขายตรง “กิฟฟารีน” มองบวก คาดยอดขายปีนี้แตะ 5,000 ล้านบาท หลัง 7 เดือนยอดขายโตกว่า 8% พร้อมอัดงบ 100 ล้าน รุกมิวสิค มาร์เก็ตติ้งกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีเป็นบวก ภายใต้เงื่อนไขเหตุการณ์สงบ คาดยอดขายปีนี้ทะลุ 5,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2552 ยอดขาย 4,640 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา 7 เดือน ยอดขายโตกว่า 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของสมาชิกปัจจุบันมีกว่า 5.5 ล้านรหัส ในจำนวนนั้นเป็นนักธุรกิจกิฟฟารีน 3.8 แสนคน คาดว่าในปีนี้จะมีสมาชิกเพิ่ม 3-4 แสนรหัส แบ่งเป็นนักธุรกิจกีฟฟารีน 10% (อ่านต่อ :http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20100728/345092/กิฟฟารีนทุ่ม-100ล.-รุกมิวสิค-มาร์เก็ตติ้ง.html )

เตือนชาวเหนือระวังธุรกิจ 'ตุ๊กแก' จะเป็นแชร์ลูกโซ่
(หนังสือพิมพ์บ้านเมือง) ขณะนี้อยากจะขอเตือนชาวจังหวัดลำปาง, พะเยา, เชียงใหม่ ถึงกรณีพ่อค้าชาวสิงคโปร์ออกประกาศรับซื้อตุ๊กแกโดยให้ราคาสูงเกินความเป็นจริง (อ่านต่อ)

พึงสังเกตความแตกต่างธุรกิจขายตรงกับธุรกิจขายตรงแอบแฝง(แชร์ลูกโซ่)ที่ประชาชนต้องรู้
(หนังสือพิมพ์บ้านเมือง) มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่มาก แต่คนส่วนใหญ่จะมองแต่เพียงการนำเสนอรูปแบบธุรกิจ หรือจดจำคำพูดที่ที่คุ้นหูเข้าใจง่ายว่า "ขายตรง" จึงทำให้มีความสับสน (อ่านต่อ)

ระวังลงทุนธุรกิจนอกระบบ
(หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์)การเก็งกำไรจากการขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(อ่านต่อ)

แก๊งแชร์ต้มตุ๋นชาวนา ออกกู้กินดอก
(หนังสือพิมพ์บ้านเมือง) รวบแก๊งแชร์ลูกโซ่หากินหน้า ธ.ก.ส.พิจิตร หลอกเหยื่อร่วมลงทุนปล่อยกู้กินดอกเบี้ยสูงร้อยละ 80 ต่อเดือน ชาวบ้านแห่หลงเชื่อสูญกว่า 40 ล้าน (อ่านต่อ)

ม็อบปูแดงบุกโรงพักโวยดีเอสไอแกล้งอธิบดีโต้แชร์ลูกโซ่
(หนังสือพิมพ์บ้านเมือง)กลุ่มปูแดงกว่าร้อยคนโร่ร้องทุกข์ สน. แกนนำเชื่อบริษัทถูกกลั่นแกล้ง(อ่านต่อ)

DSI หน้าแตกบุกจับปุ๋ยแชร์เอกชนโต้ลั่น 2มาตรฐาน
(หนังสือพิมพ์บ้านเมือง)ค้นบริษัทขายตรง ขายปุ๋ย ตั้งข้อหาแชร์ลูกโซ่ แต่คว้าน้ำเหลว เกิดโต้เถียงกันลั่น หวิดปะทะ (อ่านต่อ)

แชร์ลูกโซ่ยุคใหม่อ้างสินค้าบังหน้ากู้หนี้เกษตรกร
(หนังสือพิมพ์บ้านเมือง)ปัจจุบันมีการประกอบธุรกิจที่สร้างกระแสช่วยชาวบ้านกู้หนี้เกษตรกร ทำง่าย ใช้ดี รวยเร็ว แบบเร่งรีบ มีสินค้าหลากหลายแต่มีการจำหน่ายสินค้าบังหน้าในการประกอบธุรกิจแชร์ลูกโซ่แอบแฝง โดยให้เกษตรกรสมัครเป็นสมาชิกและซื้อสินค้าจำนวนมาก(อ่านต่อ)
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

กิฟฟารีน เปิดตัวโฆษณาเพลงชุดใหม่ Gifts for Life พร้อมส่งต่อของขวัญ

กิฟฟารีน เปิดตัวโฆษณาเพลงชุดใหม่ Gifts for Life พร้อมส่งต่อของขวัญ
กับแคมเปญ Gifts for Life by Giffarine ยกทัพ 10 คนดัง ร่วมส่งต่อของขวัญในการประมูลของรักของหวงสมทบทุน 100,000 บาท ให้แก่สภากาชาดไทย นำโดย พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัทฯ ร่วมด้วย กรณ์ ณรงค์เดช วรัทยา นิลคูหา วงศกร ปรมัตถากร อารักษ์ อมรศุกศิริ (อ่านต่อ)

กิฟฟารีนขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น หวังดันรายได้สิ้นปีนี้แตะ5,000ล้าน
(หนังสือพิมพ์แนวหน้า) นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี2554 จะเป็นปีที่กิฟฟารีนดำเนินธุรกิจครบรอบ 15 ปี บริษัทวางแนวทางในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มวัยรุ่น 17 18 ปีขึ้นไปให้มากขึ้น หลังจากแนวโน้มพฤติกรรมกลุ่มดังกล่าวเริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว(อ่านต่อ)

คอลัมน์: จับประเด็น: กิฟฟารีนเบรกช็อปไลเซนส์
(หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์) นางนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ชะลอแผนขยายสาขาโมเดล "กิฟฟารีน ไลเซนส์ ช็อป" เพื่อปรับทำเลใหม่ เพราะช็อปไลเซนส์ที่มีอยู่ 8 แห่ง มีทำเลใกล้กันมากเกินไปจนแย่งลูกค้ากันเอง(อ่านต่อ)

รุกขายผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ โตชิบานำร่องเครื่องฟอกอากาศ
(หนังสือพิมพ์แนวหน้า) นายฮิเดโนริ มัสสุอิ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ในการหันมาขยายช่องทางการจำหน่ายให้มีความหลากหลายมากขึ้น หลังจากที่ได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายผ่านศูนย์กิฟฟารีนมาแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุดบริษัทได้พัฒนาช่องทางจำหน่ายผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก โดยร่วมมือกับบริษัท(อ่านต่อ)

Smallery Art Exhibition โดย Giffarine LZvit
(ThaiPR.net) พญ. นลินี ไพบูลย์ ผู้บริหาร บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด มุ่งหวังอยากให้คนไทยมีสายตาดี จึงสนับสนุน โครงการ See Project ครั้งที่1 โดย Giffarine LZvit ซึ่งเป็นกิจกรรม “Smallery Art Exhibition” นิทรรศการภาพวาดขนาด 3 x 3 เซนติเมตร ซึ่งได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ อาทิ จำนงค์ ธนาวนิชกุล, ชัชวาลย์(อ่านต่อ)


กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จัดงานแถลงข่าวโครงการ See Project ครั้งที่ 1
(ThaiPR.net) กำหนดการ “Smallery Art Exhibition” ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ที่ ARDEL Gallery of Modern Art (ทองหล่อ ซอย 10) 18.30 19.00 น. ลงทะเบียนสื่อมวลชน, (เข้าชม และเก็บภาพในแกลอรี่) 19.00 19.40 น. ประธานกล่าวเปิดงาน พญ. นลินี ไพบูลย์ ผู้บริหารบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด พญ. ลลิดา
(อ่านต่อ)

หญิงเก่งขายตรงหมื่นล้านพบกับเจ้าแม่วิทยุ
(ThaiPR.net) เอาใจคนฟังที่ชื่นชอบผู้หญิงแกร่ง เมื่อ 2 หญิงเก่งจาก 2 วงการ โคจรมาพบกันเป็นครั้งแรก... ช่วงคืนพิเศษ คนพิเศษ ครั้งที่ 135 ทางคลื่นกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม ในวันเสาร์ที่ 22พฤษภาคมนี้แพทย์หญิงนลินีไพบูลย์เจ้าของเครื่องสำอางแบรนด์ไทยกิฟฟารีน (อ่านต่อ)

คว้าแชมป์
(หนังสือพิมพ์บ้านเมือง)พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ร่วมแสดงความยินดีกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดการสร้างแบรนด์กิฟฟารีนในทศวรรษหน้า ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (อ่านต่อ)
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

กิฟฟารีน’ไม่สนคู่แข่ง!

กิฟฟารีน’ไม่สนคู่แข่ง! ยึดกลยุทธ์วิ่งชนเป้าหมาย‘พงศ์พสุ’สานนโยบาย‘หมอต้อย’ปั้นยอดขายโต15%
หากจะเอ่ยถึงชื่อ บริษัทขายตรงหลายชั้นอันดับต้น ที่เป็นแบรนด์ของคนไทย “กิฟฟารีน” ย่อมติดโผมาเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจ ที่ปัจจุบันเติบโตเคียงคู่สังคมไทยอย่างมั่นคง สั่งสมประสบการณ์มาแล้วกว่า 13 ปี ภายใต้การบริหารงานของ “พญ.นลินี ไพบูลย์” ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยสำคัญคือ “นโยบาย” จากผู้นำท่านนี้ที่เปิดเกมรุกรับได้ถูกจุด อ่านต่อ นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 178 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16-30 เมษายน 2553

‘กิฟฟารีน’จับมือพันธมิตร‘โตชิบ้า’เจาะคนรุ่นใหม่เป้าปีแรก50ล้านบ.
“กิฟฟารีน” ผนึกกำลัง “โตชิบ้า” มัดใจฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าปีแรกโกยยอดขาย 50 ล้านบาท พร้อมมุ่งขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเผย 11 เดือนที่ผ่านมาทำยอดรวมพุ่งทะลุเป้า 4,200 ล้าน มั่นใจยอดสิ้นปีนี้ทะลุ 4,600 ล้านบาทแน่นอน อ่านต่อ นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 170 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16-31 ธันวาคม 2552

“หมอต้อย” ปลื้ม! “กิฟฟารีน” รับรางวัล “The Best Quality Skincare Brand" พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่งได้รับการโหวตให้เป็น “The Best Quality Skincare Brand” ในงาน TVB Weekly Brands Award 2009 ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศฮ่องกง กิฟฟารีนจึงเป็นแบรนด์สกินแคร์ของไทยแบรนด์เดียวที่ได้รับรางวัลในปีนี้ อ่านต่อ นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 169 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552

กิฟฟารีน’จัด‘The Branding Project’ ชวนนักสร้างแบรนด์พิชิตรางวัลเงินล้าน พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด บริษัทขายตรงหลายชั้นอันดับ 1 ของคนไทย เปิดเผยว่า โครงการค้นหานักสร้างแบรนด์กับ Giffarine : The Branding Project ที่จัดขึ้นนั้น เป็นการประกวดแผนการสร้างแบรนด์ Giffarine ภายใต้หัวข้อ “การสร้างแบรนด์กิฟฟารีนในทศวรรษหน้า” โดยไม่จำกัดไอเดีย

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ท่านผู้สนใจกิฟฟารีนและสมาชิกทุกท่าน

กิฟฟารีนไม่มีมีเฉพาะเครื่องสำอางเท่านั้นนะคะ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนที่บริษัทผลิตและวางออกจำหน่ายมีดังนี้นี้คะ
*ผลิตภัณฑ์ใหม่
*กลามอรัส
*ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า
*ผลิตภัณฑ์เมคอัพ
*กิฟฟารีนสำหรับวัยรุ่น
*ทินนี่ มิลค์กี้
*เมคอัพ สำหรับวัยรุ่น
*แอคทีฟ ยัง
*ไอดอล
*ชุดสินค้าทดลอง
*น้ำหอม
*สุภาพบุรุษ
*สุภาพสตรี
*แอคทีฟ ยัง
*ผลิตภัณฑ์มือและเท้า
*ครีมบำรุงมือและเล็บ ดรามาติค
*คลีนซิ่งแฮนด์เจล
*ดิโอโดไรซิ่ง ฟุต สเปรย์
*ไฮจีนิค เจล
*ผลิตภัณฑ์สำหรับปากและฟัน
*ยาสีฟันผสมสารสกัด ดอกเก็กฮวย อิชินาเซีย และStay C
*น้ำยาบ้วนปาก
*ยาสีฟันกิฟฟารีน ไบโอ เฮอร์เบิล พลัส
*สเปรย์ดับกลิ่นปาก
*แปรงสีฟัน กิฟฟารีน
*ไบโอ เฮอร์เบิล
*ไบโอเฮอร์เบิล พรีเมี่ยม ไวท์เทนนิ่ง
*ไหมขัดฟัน
*ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกาย
*กรานาดา
*ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
* ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม
*ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน • ผลิตภัณฑ์ซักรีด
* ผลิตภัณฑ์เมคอัพ
* ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
*สปา
* อาหารและเครื่องดื่มสินยังไม่หมดเท่านั้น เนื่องจากสินค้าใหม่ ๆ นั้นเว็บไซต์ของบริษัทยัง update ข้อมูลไม่ทันท่่านสามารถต่อต่อขอซื้อแคตาล๊อกสินค้าใหม่กิฟฟารีนได้ที่ศูนย์กิฟฟารีนใกล้บ้าน โดยตรวจสอบแผนที่ของศูนย์กิฟฟารีนได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท และหากท่านใดต้องการดูข้อมูลสินค้า รูปภาพและราคาก็เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทเช่นเดียวกันค่ะ ไปที่ www.giffarine.co.th -->กิฟฟารีนประเทศไทย -->ผลิตภัณฑ์ และหากท่านสนใจเป็นสมาชิก หลังจากสมัครสมาชิกแล้วจะได้ชุดแคตาล๊อกสินค้าพร้อมแผนการตลาดของกิฟฟารีนทันทีคะ
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สินค้ากิฟฟารีนตัวใหม่

สมาชิกทุกท่านขณะนี้มีสินค้ากิฟฟารีนตัวใหม่รวมทั้งแคตาล๊อกเล่มใหม่ออกวางจำหน่ายสามาติดต่อต่อซื้อได้ที่ศุนย์กิฟฟารีนใกล้บ้าน หรือเข้าดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทนะค่ะ นอกจากผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนแล้วหากสมาชิกท่านใดที่สนใจเรื่องความสวยความงาม สามารถใช้บริการของกิฟฟารีนคลีนิกได้นะค่ะ ให้บริการเช่นเดียวกับคลีนิกหรือโรงพยาบาลเสริมความงามอื่น ๆ เชื่อถือและวางใจได้ค่ะ และสำหรับเครื่องสำอางคุณภาพยอดนิยมของกิฟฟารีนนั้นขอแนะนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกลามอรัสนะค่ะ (เข้าเยี่ยมชมได้ในเว็บไซต์บริษัทกิฟฟารีนค่ะ) รวมทั้งกิฟฟารีนมีโรงงานการผลิตที่ลงทุนหลายร้อยล้านบาทเป็นของตนเองได้มาตรฐาน เข้าเยี่ยมชมข้อมูลโรงงานได้นะคะ..ส่วนที่มีผู้สงสัยว่ากิฟฟารีนแพททรีน่าคืออะไร อันนี้จะเป็นกลุ่มสินค้าด้านสปาคะ และบริษัทยังได้ขยายการบริการโดยการเปิดกิฟฟารีนที่ฮ่องกงเพื่อบริการแก่คนไทยที่อยู่ต่างแดนและชาวต่างชาติ รวมทั้งกิฟฟารีนมาเลเซีย กัมพูชาและเยอรมันนี ส่วนผู้ที่มีเงินทุนต้องการเปิดร้านค้ากิฟฟารีน (กิฟฟารีนไลเซนส์) สามารถติดต่อทราบรายละเอียดจากบริษัทได้คะ
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สอนให้รวย..ด้วยธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน ด้วยวิธีการทำงานแบบ Online

เราสามารถเลือกทำอาชีพได้หลายอย่าง เช่น เป็นมนุษย์เงินเดือน, ทำธุรกิจ SMEs, ทำอาชีพอิสระ ซึ่งการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็มีจุดด้อย คือ งานหนักแต่รายได้น้อย เสียภาษีมาก เสี่ยงต่อความไม่มั่นคงเช่นการถูกให้ออกจากงาน,การเกษียรอายุก่อนกำหนด , แล้วยังหาความก้าวหน้าได้ยาก เงินเดือนขึ้นปีละ 1 ครั้ง บางบริษัทไม่มี Bonus ซึ่งอาจทำให้หลาย ๆ คนอยากเปลี่ยนมาทำธุรกิจ SMEs แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงพอควร หากไม่มีเงินทุนก็ต้องกู้ยืมก่อหนี้สิน และจากข้อมูลในอดีตพบว่าครึ่งหนึ่งของธุรกิจ SMEs อยู่ได้ไม่ถึงปีก็ต้องปิดกิจการลง

ทางเลือกที่ดีกว่า คือ ศึกษาและทำอาชีพขายตรงในรูปใหม่ด้วยวิธีการ Online คุณแทบไม่ต้องลงทุน ลงแต่แรงกายและกำลังสมอง ขายตรงกิฟฟารีนคุณสามารถทำได้แม้ไม่ชอบงานขาย หรือขายสินค้าไม่เป็น จุดเด่นธุรกิจของเราคือ สินค้ามีคุณภาพ, แบรนด์เป็นที่รู้จัก, มีระบบฝึกอบรม , เครื่องมือสนับสนุนการทำงานทุกรูปแบบ, มีระบบสร้างเครือข่ายและระบบพี่เลี้ยง,มีทีมที่ปรึกษาด้านธุรกิจ-บริการและเทคโนโลยี ซึ่งทำให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ธุรกิจขายตรงยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงมากน้อยตามกำลังกาย กำลังใจที่ทุ่มเทลงไป ลงทุนน้อยความเสี่ยงต่ำ นี่แหละคืออิสระด้านเวลาและการสร้างรายได้อย่างไร้ความเสี่ยงที่ชีวิตเราเรียกร้อง

ไขข้อสงสัย..กับเราที่นี่
ทำไมต้องเสี่ยง....ถ้ามีทางเลือก
วิถีมนุษย์เงินเดือน
เจ้าของธุรกิจ
Case: ธุรกิจเฟรนไชส์
วิถีนักธุรกิจขายตรง (รูปแบบใหม่)
ความหมายของธุรกิจขายตรง
ลักษณะของการขายตรง
การขายตรงที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ความสำเร็จของธุรกิจและการลงทุน
ความสำเร็จของธุรกิจขายตรง
..คุยและพบคำตอบกับทีมของเราได้ที่นี่..
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สงครามธุรกิจเครือข่าย

สงครามธุรกิจเครือข่าย บทเรียนการตลาดสู่ความสำเร็จ
โฆษณาทางทีวี สร้างโอกาสให้ขายตรง

ในอดีตหากจะเปรียบเทียบธุรกิจขายตรงในมุมมองของผู้บริโภคส่วนใหญ่แล้วอาจมองว่าเป็นธุรกิจสี เท่าที่ค่อนไปทางดำ แต่ ณ ปัจจุบัน แม้สีเทานั้นจะยังคงเหลือร่องรอยเจือจางอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่า “ขายตรง”ได้รับการยอมรับมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเห็นบริษัทขายตรงหลายรายรุกตลาดอย่างหนักหน่วงผ่านสื่อ Above the line มากขึ้น ชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ภาพยนตร์โฆษณาขายตรงปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งและทวีความถี่ขึ้นเรื่อยๆ และหากพิจารณาแล้วจะพบว่าสำหรับธุรกิจขายตรงแบบ MLM หรือขายตรงหลายชั้น ขณะนี้จะต่อสู้กันด้วยภาพยนตร์โฆษณาสรรหาพนักงานขาย โดยเฉพาะ 2 รายใหญ่ คือ แอมเวย์ และกิฟฟารีน ขณะที่โฆษณาของขายตรงแบบ SLM หรือขายตรงชั้นเดียว จะมุ่งเน้นการโฆษณาเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมิสทีน หรือคิวท์เพรส

จากข้อมูลการวิจัยของบริษัท นาโนเซิร์ซ จำกัด ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการติดตามข้อมูลของบุคคลทั่วไปที่มีต่อภาพลักษณ์ของสินค้าในธุรกิจขายตรง พบว่า ธุรกิจขายตรงเลือกใช้ช่องทางสื่อโฆษณาทีวีเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

ตรวจแถว สำรวจภาพลักษณ์ขายตรง

1. กลุ่มตัวอย่าง 200 คน เฉพาะในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยไม่จำเป็นว่ากลุ่มตัวอย่างจะเคยเลือกซื้อหรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์ของสินค้าในธุรกิจขายตรงมาก่อนหรือไม่

2. กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็นเพศชาย 53.5 % เพศหญิง 46.5%

3. ช่วงอายุของผู้ตอบแบบสอบถามมากที่สุดคือ ในช่วงอายุ มากกว่า 36 ปี 38.0% รองลงมาคือ ในช่วงอายุ 26 – 35 ปี และ ช่วงอายุ ไม่เกิน 26 ปี ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 31.0%

4. รายได้ของผู้ตอบแบบสอบถาม แบ่งเป็นผู้มีรายได้อยู่ระหว่าง 15,001 – 20,000 บาท 49.0% ช่วงรายได้ ไม่เกิน 15,000 บาท 32.5% และรายได้มากกว่า 20,000 บาท 18.5%

5. ระดับการศึกษา อยู่ในระดับการศึกษาปริญญาตรี 78.0% อยู่ระหว่างการศึกษาระดับปริญญาตรี 15.0%

6. อาชีพ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน 57.5% รองลงมาคือ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ และ นักเรียน / นักศึกษา ตามลำดับ อีกทั้งสถานภาพของกลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่มีสถานภาพ โสด ตามมาด้วยสถานภาพสมรส

ดูโฆษณาขายตรงเวลาไหน

จากผลวิจัยส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมใกล้เคียงกันทุกช่วงอายุ โดยช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่เปิดรับโฆษณาขายตรง กล่าวคือ ช่วงเวลาที่สะดวกคือ 16.00-20.00 น. ขณะที่ช่วงเวลารองลงมาคือ 06.00-08.00 น. เป็นนัยสำคัญที่บ่งชี้ได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ที่ทำงานประจำอยู่แล้ว มีระยะเวลาที่สะดวกต่อการรับข่าวสารโฆษณาในช่วงก่อนไปทำงานและหลังเวลางาน ดังนั้นหากโฆษณาขายตรงต้องการเจาะกลุ่มนี้เพื่อดึงดูดใจให้มาเป็นพนักงานขายจึงควรเลือกโฆษณาในช่วงดังกล่าว

สื่อโทรทัศน์...สื่อหลักขายตรง

เดินตามรอย Consumer Product สำหรับผลิตภัณฑ์ขายตรงที่ต้องอาศัยพลังแห่งเครือข่าย เมื่อต้องการพลังระดับแมส ก็จำเป็นที่จะต้องใช้สื่อแมสในการเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด แน่นอน สื่อโทรทัศน์คือตัวเลือกอันดับแรก จากการสอบถามกับกลุ่มผู้บริโภคในการรับชมข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์นั้น โดยปกติจะรับชมอยู่ที่ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง 40.0% รองลงมาคือ ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง 28.5%


นอกเหนือจากสื่อโทรทัศน์แล้วผู้บริโภคยังรู้จักธุรกิจขายตรงผ่านสื่ออื่นๆ โดยในแต่ละช่วงอายุจะมีพฤติกรรมแตกต่างกันออกไป โดยกลุ่มอายุ 18-25 ปี รับทราบข้อมูลของธุรกิจขายตรงจากสื่ออินเทอร์เน็ตมากที่สุด แต่สำหรับในช่วงอายุ 26-35 ปี นั้นรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงจากสื่อโทรทัศน์มากที่สุด และสำหรับกลุ่มอายุ มากกว่า 36 ปี จะรับทราบข้อมูลของธุรกิจขายตรงจากสื่อหนังสือพิมพ์มากที่สุด


สิงหาคม-กันยายน 2 เดือนร้อนสงครามโฆษณาขายตรง


เร้าความสนใจยังไงก็ต้องทีวี
จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคเห็นสื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจขายตรง นั่นหมายถึงว่ามีโอกาสจะจูงใจให้ผู้บริโภครับสารและเกิดพฤติกรรมการสมัครเป็นพนักงานขายหรือเกิดพฤติกรรมการซื้อสินค้าขายตรงได้นั้น จะต้องมุ่งเน้นที่โฆษณาทีวี ขณะเดียวกันหากเป็นญาติสนิทมิตรสหายก็มีอิทธิพลรองลงมา ส่วนโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตก็มีผลต่อการรับรู้และทรงประสิทธิภาพเป็นอันดับต่อมา


ดังนั้นในฐานะสื่อที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในระดับแมส การใช้จ่ายงบโฆษณาของธุรกิจขายตรงจะยังคงวางกลยุทธ์ผ่านสื่อทีวีเป็นหลัก เพราะส่งผลต่อการรับรู้และจดจำแบรนด์ ตลอดจนเป็นการเปิดโอกาสสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าสื่อประเภทอื่น

ที่มา: http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=52774

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รักตัวเองเป็นใหม

การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองคือความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะตัวเราคือคนที่เราต้องอยู่ด้วยตลอดชีวิต ถ้าเราไม่รักตัวเองให้เป็น แล้วเราจะมีความสุขในชีวิตได้อย่างไร
เริ่มต้นด้วยการบอกตัวเองทุกวันว่า ฉันคือคนคนเดียวที่ฉันจะมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นตลอดชีวิตของฉัน ฉันจึงเลือกที่จะ


-รักตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไขในแบบที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้
-ยอมรับและพอใจในสิ่งที่ฉันมีอยู่ แม้จะไม่รวย จะไม่มีอะไรดีเหมือน ๆ คนอื่น
-ให้เกียรติและยึดมั่นในตัวเองเสมอ
-เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง
-ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่ฉันจะได้ดูแลคนอื่นได้
-เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองให้เติบโต
-รักในสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันทำอยู่
-ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ
-กระทำต่อตัวเองด้วยความรัก ทะนุถนอม
-ให้อภัยตัวเองในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่


ใครสมควรได้รับการขอบคุณไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือความรู้สึกขอบคุณตัวเราเองต่างหาก เพราะความรู้สึกนี้ทำให้เราอิ่มเอิบ พอใจ ซาบซึ้ง รู้สึกว่าเราช่างเป็นคนโชคดีอะไรเช่นนี้ที่มีสิ่งน่าขอบคุณมากมายเหลือเกิน ทำให้รักตัวเองมากขึ้น ทำให้เรามีพลังเข้มแข็งในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข และสามารถเผื่อแผ่ความรักให้ผู้อื่นได้ด้วย

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

สงครามธุรกิจเครือข่าย บทเรียนการตลาดสู่ความสำเร็จ

โฆษณาทางทีวี สร้างโอกาสให้ขายตรง

ในอดีตหากจะเปรียบเทียบธุรกิจขายตรงในมุมมองของผู้บริโภคส่วนใหญ่แล้วอาจมองว่าเป็นธุรกิจสี เท่าที่ค่อนไปทางดำ แต่ ณ ปัจจุบัน แม้สีเทานั้นจะยังคงเหลือร่องรอยเจือจางอยู่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่า “ขายตรง”ได้รับการยอมรับมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเห็นบริษัทขายตรงหลายรายรุกตลาดอย่างหนักหน่วงผ่านสื่อ Above the line มากขึ้น ชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ภาพยนตร์โฆษณาขายตรงปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งและทวีความถี่ขึ้นเรื่อยๆ และหากพิจารณาแล้วจะพบว่าสำหรับธุรกิจขายตรงแบบ MLM หรือขายตรงหลายชั้น ขณะนี้จะต่อสู้กันด้วยภาพยนตร์โฆษณาสรรหาพนักงานขาย โดยเฉพาะ 2 รายใหญ่ คือ แอมเวย์ และกิฟฟารีน ขณะที่โฆษณาของขายตรงแบบ SLM หรือขายตรงชั้นเดียว จะมุ่งเน้นการโฆษณาเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมิสทีน หรือคิวท์เพรส

จากข้อมูลการวิจัยของบริษัท นาโนเซิร์ซ จำกัด ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการติดตามข้อมูลของบุคคลทั่วไปที่มีต่อภาพลักษณ์ของสินค้าในธุรกิจขายตรง พบว่า ธุรกิจขายตรงเลือกใช้ช่องทางสื่อโฆษณาทีวีเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

ตรวจแถว สำรวจภาพลักษณ์ขายตรง

1. กลุ่มตัวอย่าง 200 คน เฉพาะในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยไม่จำเป็นว่ากลุ่มตัวอย่างจะเคยเลือกซื้อหรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์ของสินค้าในธุรกิจขายตรงมาก่อนหรือไม่

2. กลุ่มตัวอย่างแบ่งเป็นเพศชาย 53.5 % เพศหญิง 46.5%

3. ช่วงอายุของผู้ตอบแบบสอบถามมากที่สุดคือ ในช่วงอายุ มากกว่า 36 ปี 38.0% รองลงมาคือ ในช่วงอายุ 26 – 35 ปี และ ช่วงอายุ ไม่เกิน 26 ปี ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 31.0%

4. รายได้ของผู้ตอบแบบสอบถาม แบ่งเป็นผู้มีรายได้อยู่ระหว่าง 15,001 – 20,000 บาท 49.0% ช่วงรายได้ ไม่เกิน 15,000 บาท 32.5% และรายได้มากกว่า 20,000 บาท 18.5%

5. ระดับการศึกษา อยู่ในระดับการศึกษาปริญญาตรี 78.0% อยู่ระหว่างการศึกษาระดับปริญญาตรี 15.0%

6. อาชีพ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน 57.5% รองลงมาคือ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ และ นักเรียน / นักศึกษา ตามลำดับ อีกทั้งสถานภาพของกลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่มีสถานภาพ โสด ตามมาด้วยสถานภาพสมรส

ดูโฆษณาขายตรงเวลาไหน

จากผลวิจัยส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมใกล้เคียงกันทุกช่วงอายุ โดยช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่เปิดรับโฆษณาขายตรง กล่าวคือ ช่วงเวลาที่สะดวกคือ 16.00-20.00 น. ขณะที่ช่วงเวลารองลงมาคือ 06.00-08.00 น. เป็นนัยสำคัญที่บ่งชี้ได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ที่ทำงานประจำอยู่แล้ว มีระยะเวลาที่สะดวกต่อการรับข่าวสารโฆษณาในช่วงก่อนไปทำงานและหลังเวลางาน ดังนั้นหากโฆษณาขายตรงต้องการเจาะกลุ่มนี้เพื่อดึงดูดใจให้มาเป็นพนักงานขายจึงควรเลือกโฆษณาในช่วงดังกล่าว

สื่อโทรทัศน์...สื่อหลักขายตรง

เดินตามรอย Consumer Product สำหรับผลิตภัณฑ์ขายตรงที่ต้องอาศัยพลังแห่งเครือข่าย เมื่อต้องการพลังระดับแมส ก็จำเป็นที่จะต้องใช้สื่อแมสในการเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด แน่นอน สื่อโทรทัศน์คือตัวเลือกอันดับแรก จากการสอบถามกับกลุ่มผู้บริโภคในการรับชมข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์นั้น โดยปกติจะรับชมอยู่ที่ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง 40.0% รองลงมาคือ ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง 28.5%


นอกเหนือจากสื่อโทรทัศน์แล้วผู้บริโภคยังรู้จักธุรกิจขายตรงผ่านสื่ออื่นๆ โดยในแต่ละช่วงอายุจะมีพฤติกรรมแตกต่างกันออกไป โดยกลุ่มอายุ 18-25 ปี รับทราบข้อมูลของธุรกิจขายตรงจากสื่ออินเทอร์เน็ตมากที่สุด แต่สำหรับในช่วงอายุ 26-35 ปี นั้นรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงจากสื่อโทรทัศน์มากที่สุด และสำหรับกลุ่มอายุ มากกว่า 36 ปี จะรับทราบข้อมูลของธุรกิจขายตรงจากสื่อหนังสือพิมพ์มากที่สุด


สิงหาคม-กันยายน 2 เดือนร้อนสงครามโฆษณาขายตรง


เร้าความสนใจยังไงก็ต้องทีวี
จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคเห็นสื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจขายตรง นั่นหมายถึงว่ามีโอกาสจะจูงใจให้ผู้บริโภครับสารและเกิดพฤติกรรมการสมัครเป็นพนักงานขายหรือเกิดพฤติกรรมการซื้อสินค้าขายตรงได้นั้น จะต้องมุ่งเน้นที่โฆษณาทีวี ขณะเดียวกันหากเป็นญาติสนิทมิตรสหายก็มีอิทธิพลรองลงมา ส่วนโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตก็มีผลต่อการรับรู้และทรงประสิทธิภาพเป็นอันดับต่อมา


ดังนั้นในฐานะสื่อที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในระดับแมส การใช้จ่ายงบโฆษณาของธุรกิจขายตรงจะยังคงวางกลยุทธ์ผ่านสื่อทีวีเป็นหลัก เพราะส่งผลต่อการรับรู้และจดจำแบรนด์ ตลอดจนเป็นการเปิดโอกาสสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าสื่อประเภทอื่น

ที่มา: http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=52774

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

หมอต้อยฟันธง ! ปี53 โต5 พัน ล้าน

***Giffarine New Product March 2010
เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ มีนาคม 2553


***กิฟฟารีนฉีกขายตรงผุดศูนย์ไลเซนส์
เป็นอาชีพทางเลือก ... เปิดโอกาสการเห็นและสัมผัสสินค้าใหม่และสินค้าที่มีอยู่เดิม ... ในการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม ให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยต่อผู้บริโภค


**ขายตรงหวั่นม็อบแรงเจ๊งยับ กิฟฟารีนเลื่อนสินค้าใหม่
ขายตรงหวั่นใจหลังแดงป่วนตลาดกรุงเทพฯ แต่ต่างจังหวัดยังดี หากรุนแรงเจ๊งหมดแน่


**กิฟฟารีนออนไลน์ ไม่ต้องขายสินค้าสร้างรายได้ง่าย ๆ
ซื้อสินค้าในราคาสมาชิก ลด 25 % เริ่มได้ตั้งแต่วันได้รหัสกิฟฟารีน


**หมอต้อยฟันธง ! ปี53 โต5 พัน ล้าน โรงงานใหม่กิฟฟารีนปั้ม 2 หมื่นล./ปี
ทั้งนี้โรงงานแห่งใหม่ของกิฟฟารีน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ อาคารสำนักงาน โรงงานผลิตเครื่องสำอาง
(Central Lab) ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา (Research)


**กิฟฟารีน (Giffarine) ธุรกิจ รายได้เสริม สำหรับคนไทย ปั่นเงินร้อยให้เป็นเงินล้าน
นวรรตกรรมใหม่ ของธุรกิจ เป็นธุรกิจที่น่าจับตามองมาก ๆ ในปี 2553 เป็นต้นไป
ที่งานไบเทคบางนา ภายในงานท่านจะได้พบกับ ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่มีออกมามากมายในปีนี้ ...


**กิฟฟารีนผนึกญี่ปุ่น เปิดตัวแบรนด์เทนชิเจาะวัยรุ่น
เร่งขยายฐานสมาชิกคนรุ่นใหม่ ผนึก 2 บริษัทยักษ์ญี่ปุ่นด้านวัตถุดิบเครื่องสำอาง เปิดตัวแบรนด์ใหม่ "เทนชิ"
รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ...

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

ความพึงพอใจหรือไม่พอใจในชีวิต

ความพึงพอใจหรือไม่พอใจในชีวิต ส่วนใหญ่มาจากมุมมองและความคิดของเราเอง สิ่งใดดีหรือไม่ดี สำเร็จหรือล้มเหลว สุขหรือทุกข์ ล้วนเกิดจากว่าเราเลือกที่จะมองอย่างไร ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน เราจะมองให้เป็นบวกหรือลบก็ได้ แต่การมองอะไรเป็นลบ มักจะทำให้เราเป็นทุกข์และท้อแท้ ดังนั้นต้องฝึกมองอะไร ๆ ให้เป็นบวกเข้าไว้ จะได้มีความสุขและเกิดกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ต่อชีวิต..เช่นเดียวกัน หากท่านมองกิฟฟารีนในมุมบวก..กิฟฟารีนอาจกลายเป็นสิ่งอัศจรรย์ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงด้านรายได้..และปลดปล่อยอิสระภาพต่าง ๆ อย่างที่ใจค้นหามาโดยตลอด

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนแนะนำแก่สมาชิก!! วันนี้

เรียนสมาชิกและผู้สนใจธุรกิจทุกท่าน..หลายท่านอาจสงสัยว่ากิฟฟารีนนั้นมีเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องสำอางอย่างเดียวหรือไม่? แท้จริงแล้วกิฟฟารีนนั้นมีสินค้าหลายประเภทนะคะ เช่น

กิฟฟารีน:ชุดสินค้าทดลอง
กิฟฟารีน:น้ำหอม
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์มือและเท้า
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์สำหรับปากและฟัน
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกาย
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์เมคอัพ
กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
กิฟฟารีน:สปา
กิฟฟารีน:อาหารและเครื่องดื่ม

เยี่ยมชมสินค้าเหล่านี้ได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.giffarine.co.th หรือโืีืีทรติดต่อเรา เพื่อสอบถามได้นะค่ะ

รายละเอียดสินค้าและราคา มีในแคตาล๊อกสินค้ากิฟฟารีนนะคะสมาชิกทุกท่าน

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

กิฟฟารีน

กิฟฟารีน" รุกไตรมาสสุดท้าย อัดงบโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ดึง 4 นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เผยมุมมองการตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายกับกิฟฟารีน สร้างรายได้อย่างมั่นคง ได้เป็นเจ้าของกิจการ และสามารถฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้

พญ. นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยิงภาพยนตร์โฆษณาใหม่อีก 4 เรื่อง นำเสนอเรื่องราวของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ อ้างอิงจากชีวิตจริงของนักธุรกิจทั้ง 4 ท่าน ตอบคำถามว่าทำไมกิฟฟารีนจึงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด ตอกย้ำความน่าเชื่อถือของแบรนด์และความโดดเด่นของธุรกิจ ผ่านสถานีโทรทัศน์ชั้นนำช่อง 3, 5, 7 และ9
แนวคิดหลักของโฆษณาชุดนี้ ต้องการนำเสนอเหตุผลของการเลือกทำธุรกิจกิฟฟารีน โอกาสแห่งความสำเร็จ และระบบสนับสนุนจากกิฟฟารีน ผ่านมุมมองที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากนักธุรกิจกิฟฟารีนระดับสูง ด้วยวิธีการนำเสนออย่างทันสมัย เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจเครือข่าย และผู้ที่ต้องการมีรายได้ที่มั่นคง

เรื่องแรกนำแสดงโดย นายณัฐนที ศรีพลัง ผู้บริหารระดับเอ็กซ์คลูซีฟ พาราไดซ์ ที่ตัดสินใจเลือกทำธุรกิจนี้เป็นอาชีพหลักจนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นความสำเร็จจากที่คุณพ่อคุณแม่ได้ทำไว้

เรื่องที่สอง บอกเล่าถึงความฝันของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถทำตามความฝัน เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้โดยไม่ต้องลงทุน ผ่านเรื่องราวของ นายภูดิท ภควลีธร ผู้บริหารระดับพาราไดซ์ คนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่เพิ่งจบการศึกษา

เรื่องที่สาม เป็นเรื่องราวของคนที่มีงานประจำ แต่อยากมีธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปด้วย จึงเลือกกิฟฟารีนเป็นอาชีพที่สอง เพราะกิฟฟารีนมีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกเศรษฐกิจและฐานะ โดยนำเสนอผ่านชีวิตจริงของ นายไตรรัตน์ รัตนวิจิตร ผู้บริหารระดับพาราไดซ์

และเรื่องสุดท้าย สะท้อนชีวิตของคนที่ประสบปัญหาจากกิจการส่วนตัว และมีภาระหนี้สินมากมายของนายชัชวัชร์ ทวยหาญศักดิ์ทวี ผู้บริหารระดับเอ็กซ์คลูซีฟ พาราไดซ์ ที่สามารถผ่านวิกฤตชีวิตไปได้หลังจากทำธุรกิจกิฟฟารีน

อย่างไรก็ตาม พญ.นลินีกล่าวว่า แม้ว่าโฆษณาทั้ง 4 เรื่อง จะนำเสนอมุมมองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ทุกคนได้รับเหมือนกันคือความสำเร็จ พร้อมกับการมีรายได้ที่มั่นคง จากการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคสินค้าของตนเอง ด้วยระบบที่ทุกคนพอใจ บริหารจัดการได้ไม่ยาก ไม่ต้องใช้เงินลงทุน ไม่ต้องเสี่ยงกับคำว่า "ขาดทุน" ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ระบบสนับสนุนทางการตลาดที่ดีที่สุด ทำให้สามารถขยายเครือข่ายผู้ใช้สินค้าได้ไม่ยาก ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว จากแผนการจ่ายผลตอบแทนที่ทุกคนสามารถทำได้


อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 165 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 ตุลาคม 2552ที่มา : http://www.sumret.com ,http://www.mlm.in.th

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

แฉขายตรง ผิดกม.บาน ระวังถูกตุ๋น

วันที่ 2010-01-25

พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ ในฐานะนายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงของไทยมีบริษัทที่เปิดดำเนินการประมาณ 500 บริษัท แต่ประกอบธุรกิจถูกต้องไม่เกิน 100 บริษัทเท่านั้น รวมทั้งมีบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมการขายตรงไทยอีก 30 บริษัท จึงอยากแนะนำประชาชนที่เลือกซื้อสินค้ากับบริษัทขายตรงดูข้อมูลให้รอบคอบ

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเบื้องต้นคือ หากสินค้าที่ซื้อไปแล้วไม่พอใจในทุกกรณีต้องคืนเงินให้แก่ผู้บริโภคทันที เพราะเป็นข้อกำหนดของสมาพันธ์การขายโดยตรงแห่งโลก ส่วนผู้ที่อยากเข้ามาทำอาชีพขายตรง หากบริษัทใดกดดันให้ต้องขายซื้อสินค้าในปริมาณมาก หรือในวงเงินที่กำหนดอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ได้

พญ.นลินี กล่าวด้วยว่า จากการประเมินเบื้องต้นผู้ที่เข้าสู่ธุรกิจขายตรงมีราว 1 ล้านคน แต่ละปีก็มีรายใหม่สมัครเพิ่มจำนวนมาก ซึ่งองค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลธุรกิจขายตรงในปัจจุบัน คือ สำนักงานคณะกรรมคุ้มครองผู้บริโภค หรือสคบ. ก็กำลังตรวจสอบบริษัทขายตรงที่มีอยู่ในระบบอย่างเข้มข้นเพื่อสร้างความอบอุ่นใจให้แก่ประชาชน

ที่มา : http://www.posttoday.com/news.php?id=86800

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553

กิฟฟารีนผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

กิฟฟารีน:แอคทิไวท์ (สำหรับผู้ที่ต้องการผิวขาว)

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แอล-กลูตาไธโอน ผสม แอล-ซีสเทอีน,กรดอัลฟา-ไลโปอิค และไนอะซินาไมด์ ชนิดแคปซูล



กิฟฟารีน:แอล-ธีอะนีน (ผู้สูงวัยที่นอนไม่ค่อยหลับ)

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แอล-ธีอะนีน ชนิดแคปซูล



กิฟฟารีน:ยาแคปซูลเถาวัลย์เปรียงสกัด (สำหรับผู้ป่วยอัมพฤกอัมพาต)

เป็นยากษัยเส้น หรือยาแก้ปวดเมื่อย



กิฟฟารีน:แอลซี วิต (บำรุงสายตา)

มีแคโรทีนอยด์ชนิดลูทีน และแคโรทีนอยด์ชนิดซีแซนทีน



กิฟฟารีน:แคล ดี แมก (บำรุงกระดูก)
แคลเซียม ผสม แมกนีเซียม, วิตามิน ซี, สังกะสี, แมงกานีส, ทองแดง, วิตามิน อี และ วิตามิน ดี3

รายละเอียดสินค้าและราคา มีในแคตาล๊อกสินค้ากิฟฟารีนนะคะสมาชิกทุกท่าน
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนแนะนำแก่สมาชิก

เรียนสมาชิกและผู้สนใจธุรกิจทุกท่าน..หลายท่านอาจสงสัยว่ากิฟฟารีนนั้นมีเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องสำอางอย่างเดียวหรือไม่? แท้จริงแล้วกิฟฟารีนนั้นมีสินค้าหลายประเภทนะคะ เช่น

กิฟฟารีนผลิตภัณฑ์สปา (SPA)

กิฟฟารีน เอ็กซ์คลูซีฟ สปา มาสสาจออยล์ - เอนเนอร์ไจซิ่ง
เป็นน้ำมันนวดตัวเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย ช่วยให้รู้สึก สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
กลิ่น Energising (ประเทศอเมริกา) ช่วยให้สดชื่น ผ่อนคลายความตึงเครียด
กลิ่น Eucalyptus Oil (ประเทศจีน) ช่วยให้หายใจโล่ง มีความกระจ่างปลอดโปล่ง และมีสมาธิ
กลิ่น Lemon Oil (ประเทศอาร์เจนตินา) ให้ความรู้สึกสดชื่นแจ่มใส มีสมาธิ
กลิ่น Litsea Cubeba Oil (ประเทศจีน) ผ่อนคลายความตึงเครียด
กลิ่น Kaffir Lime Oil (ประเทศไทย) ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต, กระปรี้กระเปร่ามีพลัง
กลิ่น Tangerine Oil (ประเทศจีน) : ให้ความรู้สึกสดชื่น, ผ่อนคลาย

กิฟฟารีน เอ็กซ์คลูซีฟ สปา เฟเชียล สครับ
ครีมขัดผิวหน้า ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่แห้งกร้านและหมองคล้ำอย่างนุ่มนวลด้วยเม็ดสครับขัดผิวจากข้าวหอมมะลิ มอบความสว่างกระจ่างใสให้ผิวใหม่ด้วยสารสกัดจากมะขามและน้ำผึ้ง พร้อมผ่อนคลายด้วยความหอมอันอ่อนหวานของน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์และกุหลาบ

กิฟฟารีน เอ็กซ์คลูซีฟ สปา บอดี้ เฟิร์มมิ่ง ครีม
ครีมนวดกระชับผิวกายเนื้อบางเบา ซึมซาบอย่างล้ำลึกเข้าฟื้นฟูความยืดหยุ่นและเติมความชุ่มชื้นด้วยคุณค่าของสารสกัดจากใบบัวบกและกวาวเครือขาว ผสมผสานการบำรุงของวิตามิน อี เพื่อคืนความตึงกระชับ เนียนเรียบ และเปล่งปลั่ง พร้อมความหอมสดชื่นของน้ำมันหอมระเหยที่ผสมผสานกลิ่นลาเวนเดอร์, ส้ม, มะกรูด และกระดังงา ให้การนวดบำรุงแต่ละครั้งมอบความผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แบบ

กิฟฟารีน เอ็กซ์คลูซีฟ สปา บอดี้ ซอลท์ สครับ
เกลือขัดผิวกาย ช่วยขัดเซลล์ผิวที่แห้งกร้านและความหมองคล้ำทั่วเรือนร่างอย่างอ่อนโยน พร้อมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ด้วยสารสกัดจากธรรมชาตินานาชนิด ทั้งเชียบัตเตอร์, งา, ขมิ้น, ดอกทานตะวัน, เมล็ดองุ่น, ถั่วเหลือง, และ Sweet Almond Oil พร้อมผ่อนคลายอารมณ์ด้วยความหอมสดชื่นของน้ำมันหอมระเหยที่ผสมผสาน กลิ่นลาเวนเดอร์, ส้ม, มะกรูด และกระดังงา

รายละเอียดสินค้าและราคา มีในแคตาล๊อกสินค้ากิฟฟารีนนะคะสมาชิกทุกท่าน
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : โรงแรมอินทรา

Date : 9 February 2010 (Tuesday) From : 17:00
หัวข้อ : ประชุมประจำสัปดาห์
วัน/เดือน/ปี : วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : กรุงเทพฯ
สถานที่ : โรงแรมอินทรา
ศูนย์ผู้ขอจัด : กรุงเทพฯ
หมายเหตุ
- ตารางจัดประชุม เป็นการจัดทำเพื่อประชาสัมพันธ์จากฝ่ายจัดประชุม โดยการรวบรวมข้อมูลจากศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
- เป็นผู้ขอจัดประชุม ซึ่งบางครั้งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ท่านสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ผู้ขอจัดประชุมนั้นๆ
- ผู้สนใจ หรือ นักธุรกิจทุกท่านไม่ว่าจะอยู่สายงานใด สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ในวัน, เวลา และสถานที่ ดังกล่าว


พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : โรงแรมพิจิตรพลาซ่า
Date : 13 February 2010 (Saturday) From : 12:30
หัวข้อ : ประชุมประจำเดือน
วัน/เดือน/ปี : วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : พิจิตร
สถานที่ : โรงแรมพิจิตรพลาซ่า
ศูนย์ผู้ขอจัด : พิจิตร


พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : อบรมการแต่งหน้า ณ ศูนย์กิฟฟารีนมหาชัย
Date : 14 February 2010 (Sunday) From : 09:30
หัวข้อ : อบรมการแต่งหน้าประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553
วัน/เดือน/ปี : วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : มหาชัย
สถานที่ : ศูนย์กิฟฟารีนมหาชัย
ศูนย์ผู้ขอจัด : มหาชัย


พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : ศูนย์กิฟฟารีนพิษณุโลก
Date : 14 February 2010 (Sunday) From : 12:30
หัวข้อ : ประชุมประจำเดือน
วัน/เดือน/ปี : วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : พิษณุโลก
สถานที่ : ศูนย์กิฟฟารีนพิษณุโลก
ศูนย์ผู้ขอจัด : พิษณุโลก

รายละเอียด http://www.no-poor.com/PhotoshopandDrea/giffarinenews8Feb2010.htm

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนแนะนำแก่สมาชิก!! วันนี้

เรียนสมาชิกและผู้สนใจธุรกิจทุกท่าน..หลายท่านอาจสงสัยว่ากิฟฟารีนนั้นมีเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องสำอางอย่างเดียวหรือไม่? แท้จริงแล้วกิฟฟารีนนั้นมีสินค้าหลายประเภทนะคะ เช่น

กิฟฟารีน:ผลิตภัณฑ์ใหม่
เมนูแนะนำวันนี้!!
1)ยาสีฟัน กิฟฟารีนไบโอเฮอร์เบิล พรีเมี่ยม ไวท์เทนนิ่ง
เพื่อลมหายใจสดชื่นยาวนานยิ่งกว่า ฟันขาวสะอาดขึ้นอย่างอ่อนโยน
นวัตกรรมใหม่ของยาสีฟัน ที่มอบการดูแลสุขภาพภายในช่องปากอย่างสมบูรณ์แบบ
• ลมหายใจสะอาด สดชื่น ยาวนานยิ่งกว่า ด้วยการประสานประสิทธิภาพของสมุนไพร 15 ชนิด ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก เพื่อช่วยระงับกลิ่นปากยาวนาน มอบความมั่นใจตลอดวัน
• ฟันขาวสะอาดขึ้น โดยไม่ทำลายเคลือบฟัน ไม่ก่อให้เกิดการะคายเคืองต่อเยื่อบุช่องปาก
• ทรงประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุด้วยฟลูออไรด์ ที่ช่วยเคลือบฟันให้แข็งแรง
• ดูแลสุขภาพเหงือกให้แข็งแรงด้วย Stay-C 50 ครบถ้วนเพื่อสุขภาพที่ดีของช่องปาก นำมาซึ่งความมั่นใจ และส่งผลถึงสุขภาพร่างกายที่ดีเช่นกัน

กิฟฟารีน:กลามอรัส
เมนูแนะนำวันนี้!!
2) แป้งรองพื้น กลามอรัส
แป้งผสมรองพื้น เนื้อละเอียดบางเบา เปี่ยมประสิทธิภาพด้วยส่วนผสมอันทรงคุณค่า ช่วยอำพรางริ้วรอย และจุดบกพร่องบนใบหน้า เพิ่มความกระจ่างใส เนียนนานอย่างเป็นธรรมชาติ ปกป้องผิวหน้าจากความมัน และรังสียูวีได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน


กิฟฟารีน:สำหรับวัยรุ่น
เมนูแนะนำวันนี้!!
3) แคร์ ครีน คลาสซี่
น้ำยาทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นภายนอกสำหรับวัยแรกสาว และสารอันทรงประสิทธิภาพ เพื่อการทำความสะอาด ใช้เป็นประจำจะช่วยให้รู้สึกสะอาด ไร้กังวลเรื่องกลิ่น

>>เดี๋ยวค่อยมาดูกันต่อฉบับหน้านะค่ะ<<

รายละเอียดสินค้าและราคา มีในแคตาล๊อกสินค้ากิฟฟารีนนะคะสมาชิกทุกท่าน
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : โรงแรมอินทรา

พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : โรงแรมอินทรา
Date : 9 February 2010 (Tuesday) From : 17:00
หัวข้อ : ประชุมประจำสัปดาห์
วัน/เดือน/ปี : วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : กรุงเทพฯ
สถานที่ : โรงแรมอินทรา
ศูนย์ผู้ขอจัด : กรุงเทพฯ
หมายเหตุ
- ตารางจัดประชุม เป็นการจัดทำเพื่อประชาสัมพันธ์จากฝ่ายจัดประชุม โดยการรวบรวมข้อมูลจากศูนย์ธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ
- เป็นผู้ขอจัดประชุม ซึ่งบางครั้งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ท่านสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ผู้ขอจัดประชุมนั้นๆ
- ผู้สนใจ หรือ นักธุรกิจทุกท่านไม่ว่าจะอยู่สายงานใด สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ในวัน, เวลา และสถานที่ ดังกล่าว


พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : โรงแรมพิจิตรพลาซ่า
Date : 13 February 2010 (Saturday) From : 12:30
หัวข้อ : ประชุมประจำเดือน
วัน/เดือน/ปี : วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : พิจิตร
สถานที่ : โรงแรมพิจิตรพลาซ่า
ศูนย์ผู้ขอจัด : พิจิตร


พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : อบรมการแต่งหน้า ณ ศูนย์กิฟฟารีนมหาชัย
Date : 14 February 2010 (Sunday) From : 09:30
หัวข้อ : อบรมการแต่งหน้าประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553
วัน/เดือน/ปี : วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : มหาชัย
สถานที่ : ศูนย์กิฟฟารีนมหาชัย
ศูนย์ผู้ขอจัด : มหาชัย


พัฒนานักธุรกิจกิฟฟารีน : ศูนย์กิฟฟารีนพิษณุโลก
Date : 14 February 2010 (Sunday) From : 12:30
หัวข้อ : ประชุมประจำเดือน
วัน/เดือน/ปี : วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัด : พิษณุโลก
สถานที่ : ศูนย์กิฟฟารีนพิษณุโลก
ศูนย์ผู้ขอจัด : พิษณุโลก

รายละเอียดทั้งหมด.. คลิก.. http://www.no-poor.com/index_giffarine.html

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนแนะนำแก่สมาชิก!! วันนี้

ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนแนะนำแก่สมาชิก!! วันนี้

กิฟฟารีนชุดสินค้าทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่
- Giffarine Glamorous Beaute Body Cream
- Giffarine Glamorous Beaute Hand & Nail Cream
- Giffarine Bio Herbal Premium Whitening Toothpaste
- Giffarine Esperto Color Protecting Shampoo
- Giffarine Esperto Color Protecting Conditioner
- Giffarine Esperto Bodyfying Styling Gel
- Giffarine Hygienic Gel

กิฟฟารีนโค-คิวเทน แมกซ์ (อาหารผิว)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โคเอนไซม์ คิวเทน ผสม แอล-คาร์นิทีนและซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ ชนิดแคปซูล
ประกอบด้วย ทอรีน,แอล-คาร์นิทีน,แอล-ทาร์เทรต,โคเอนไซม์ คิวเทน,ซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์

กิฟฟารีนแคล ดี แมก 600 (เสริมกระดูก)
แคลเซียม ผสม แมกนีเซียม, วิตามิน ซี, สังกะสี, แมงกานีส, ทองแดง, วิตามิน อี และ วิตามิน ดี3 ประกอบด้วย แคล-ดี-แมก มีคุณค่าของแร่ธาตุ ได้แก่ วิตามินและแร่ธาตุ,แคลเซียม,แมกนีเซียม,วิตามิน ดี 3 ,วิตามิน ซี, วิตามิน อี,สังกะสี ,ทองแดง,แมงกานีส

รายละเอียดสินค้าและราคา มีในแคตาล๊อกสินค้ากิฟฟารีนนะคะสมาชิกทุกท่าน
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

กิฟฟารีนธุรกิจขายตรงหลายชั้น อันดับ 1 ของไทย จ่ายผลตอบแทนสูงที่สุดแช้ม

"หมอต้อย" ปลื้ม! "กิฟฟารีน" รับรางวัล "The Best Quality Skincare Brand" ในงาน TVB Weekly Brands Award 2009 โดยได้รับการคัดเลือกจากการโหวตของผู้อ่านนิตยสาร TVB Weekly ชี้ชัดเป็นสุดยอดแบรนด์สกินแคร์คุณภาพ ที่ได้รับความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือจากผู้บริโภคในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน

พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่งได้รับการโหวตให้เป็น "The Best Quality Skincare Brand" ในงาน TVB Weekly Brands Award 2009 ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศฮ่องกง กิฟฟารีนจึงเป็นแบรนด์สกินแคร์ของไทยแบรนด์เดียวที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่งกิฟฟารีนได้สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ความเป็นสินค้าคุณภาพที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในกลุ่มเมคอัพ อาร์ติสท์ เซเลบริตี้ และซุปเปอร์สตาร์ฮ่องกง
ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนได้รับความนิยมในวงการบันเทิงฮ่องกงโดยเฉพาะค่าย TVB เป็น อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดง ช่างแต่งหน้า อาทิ Miss Suki Chui หนึ่งในผู้เข้าประกวด Miss Hong Kong และเป็นดารา นักแสดงของทีวีบี ก็เป็นหนึ่ง ในแฟนพันธุ์แท้ของกิฟฟารีน ที่หลงใหลในคุณภาพ และสีสันในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กิฟฟารีนคอลเล็กชั่นกลามอรัส รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลก กลามอรัส บูเต้ สกินแคร์ของกิฟฟารีน นอกจากนั้น กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชุดกลามอรัสนี้ยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเป็นผลิตภัณฑ์แนะนำจากบรรดาเมคอัพ อาร์ติสท์ชื่อดังของฮ่องกงอีกด้วย

"รางวัลนี้เป็นรางวัลที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างมากของกิฟฟารีน ที่พิสูจน์ถึงความตั้งใจในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนเป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยคุณภาพ ที่ตอกย้ำจุดยืนในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อคนเอเชียโดยเฉพาะ" พญ.นลินีกล่าว

ทั้งนี้การได้รับรางวัลในครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จทางด้านการขยายตลาดไปยังต่างประเทศของ พญ. ใจทิพย์ ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด และ Mr. George Ng, International Marketing Director โดยผู้บริหารทั้ง 2 คนเป็นผู้ดูแลธุรกิจกิฟฟารีนในฮ่องกง ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการรับรางวัลในครั้งนี้ และทำให้ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนเป็นที่รู้จัก และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวฮ่องกงอย่างกว้างขวาง

โดยปัจจุบัน Giffarine Flagship Store ที่ฮ่องกง มี 2 แห่งด้วยกัน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองในแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่ ห้างไทม์สแควร์ ย่านคอสเวย์เบย์ และห้างลองแฮมเพลส ย่านมงก๊ก ซึ่งทั้ง 2 ที่นี้จัดเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่เป็นที่นิยมของทั้งชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทำให้กิฟฟารีนก้าวขึ้นเป็นแบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์จากประเทศไทยเจ้าแรกที่มีวางจำหน่ายอยู่ในแหล่งการค้ายอดนิยมของฮ่องกง

นอกจากรางวัลดังกล่าวแล้ว ในปีนี้บริษัทฯได้รับรางวัลรับรองคุณภาพถึง 2 รางวัล คือ "Superbrands 2008-2009" ในฐานะสุดยอดแบรนด์ไทย และรางวัล "อย. QUALITY AWARD 2009" จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สองรางวัลนี้การันตีถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์ และ การเป็นแบรนด์ชั้นนำที่อยู่ในใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน
"กิฟฟารีนได้ทุ่มเทและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีของการดำเนินงาน เพื่อให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค และเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไทยที่สามารถสร้างชื่อเสียง และความภูมิใจให้กับประเทศไทยในตลาดต่างประเทศได้อีกด้วย" พญ.นลินีกล่าวทิ้งท้าย

อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 169 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552

ที่มา : http://www.sumret.com,http://www.mlm.in.th
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนแนะนำแก่สมาชิก!! วันนี้

ซูเปอร์วิตามิน E ใช้ร่วมกับคอลาเจนผงกิฟฟารีน (เอาไปเลย 5 ดาว)

คุณสมบัติ

1.ปรับโครงสร้างของเซลผิว

2.รักษาความชุ่มชื้น และลดริ้วรอย

3. หน้าแต่งดึง ไม่เหี่ยวย่น

(สมาชิกเราท่านหนึ่งบอกว่าหลังใช้ 3 เดือนติดต่อกัน พบว่าผิวหน้าของหญิงวัย 63 ดูดีกว่าหญิงวัย 40

แบบนี้ต้องพิสูจน์ค่ะ)

วิตามิน E บำรุงผิว สกัดจาก Palm Fruit คัดสรรจากแหล่งผลิตน้ำมันปาล์มที่ดีที่สุดในโลก มีวิตามิน E เข้มข้นมาก ต้านอนุมูลอิสระได้ดีมากขึ้นถึง 40-60 เท่า ประกุจเกาะกำบังผิวจากมลภาวะในสิ่งแวดล้อมและแสงแดด ทำให้ผิวนุ่ม เนียนใส ผิวไม่มัน ทำให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ขาว ดูอ่อนกว่าวัย

เราสามารถเลือกใช้สินค้ากิฟฟารีนได้หลากหลายกว่า และแก้ปัญหาได้ตรงจุด

รับรองได้ว่า ถ้าเรายอมให้กิฟฟารีน ดูแลผิวหน้าของเรา เราจะไม่ขายหน้าเชียวค่ะ
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

กิฟฟารีน no-poor.com

กิฟฟารีนno-poor.com

กิฟฟารีนเป็นธุรกิจเครือข่ายหลายชั้นที่ทำได้ง่ายที่สุด ลงทุนต่ำสุด และมีความเสี่ยงต่ำที่สุด สามารถทำธุรกิจนี้ได้ควบคู่กับงานประจำ หรือทำเต็มเวลา มีหลายรูปแบบให้ท่านเลือกตามความถนัด เช่น รูปแบบการทำงานผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือรูปแบบประชิดตัว ก่อนที่จะตัดสินใจทำธุรกิจนี้ ท่านต้องถามตัวเองก่อนว่า สินค้าที่เคยซื้อใช้ในกิจวัตรประจำวัน เช่น เครื่องสำอาง โลชั่น แชมพู สบู่ ยาสีฟัน อาหารเสริม ผงซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างรถ เครื่องกรองน้ำ หมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม เครื่องซักผ้า ตู้เย็น ปุ๋ย สินค้าเพื่อการเกษตรและอื่น ๆ ..ท่านจะเปลี่ยนจากยี่ห้ออื่นบางส่วนที่เคยใช้มาใช้ผลิตภัณฑ์ของกิฟฟารีนได้หรือไม่ ถ้าคำตอบคือได้..ก็หมายความว่ากิฟฟารีนเข้าข่าย..ธุรกิจเครือข่ายที่่ท่านสามารถจัดอยู่ใน List ที่จะทำเป็นธุรกิจเสริมได้..และเราอยากให้ท่านทำความเข้าใจเรื่องธุรกิจและการแข่งขันลำดับต่อจากนี้

ปัจจุบันต้องยอมรับว่าการทำธุรกิจในยุค Digital ทวีความรุนแรงมากขึ้น ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจและการทำธุรกิจแบบ Low Cost หลาย ๆ คนต้องการประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ต้องการรายได้ และความมั่นคง ทำให้หลาย ๆ คนผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจในโลก Cyber ทั้งที่ท่านเองอาจมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์อยู่บ้างแล้ว หรืออาจไม่มีเลย..ถ้าท่านมีความคิดว่ากิฟฟารีนเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและอยากจะศึกษา ประกอบกับท่านค้นหาข้อมูลกิฟฟารีน ใน Google แล้วก็จะพบว่า มีเว็บไซต์สมาชิกกิฟฟารีนมากกว่า 5,480,000 เว็บไซต์ ทำให้ยากต่อการตัดสิน “จะเลือกเว็บไซต์ไหนดี” เยอะจนเลือกไม่ถูก..เราขอบอกท่านว่าทุกเว็บไซต์ดีเหมือน ๆ กันหมด และเชื่อว่าที่ปรึกษาแต่ละเว็บไซต์ที่ท่านตัดสินใจเลือกให้เขาเป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำในการทำธุรกิจจะสามารถดูแลท่านได้..และประสบความสำเร็จได้..เพียงแต่ระยะเวลาในการประสบความสำเร็จจะเร็วหรือช้าท่านต้องให้ความร่วมมือในการลงมือปฏิบัติด้วย อ่านเพิ่มเติมที่ no-poor.com

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

จับปุ๋ย'ปูแดง' ข้อหาแชร์ลูกโซ่

ดีเอสไอลุยค้นบริษัทเบสท์ 59 จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์เกษตรปุ๋ยปูแดงไคโตซาน และผงชูรสปูแดง 4 จุด ฐานฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงในลักษณะแชร์ลูกโซ่ แค่จุดแรกก็เจอดี ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ นำทีมตรวจค้นบริษัทย่านแจ้งวัฒนะ หวิดปะทะสมาชิกขายตรง และเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในบริษัท ร่วม 100 คน ขนาดนักข่าวยังเกือบถูกกรอกน้ำปุ๋ยใส่ปาก ต้องเรียกตำรวจปากเกร็ดมาช่วยถอยทัพออก ด้านประธานกลุ่มพลังเครือข่ายผู้ขายตรงแห่งประเทศไทย แถลงโต้ ธุรกิจขายตรงคนไทยถูกฆ่าตัดตอน แต่ สคบ.กลับไปอุ้มชูคนต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจเดียวกัน

ดีเอสไอปูพรมค้นบริษัทขายตรง "ปูแดงไคโตซาน" เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 19 ม.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป้องปรามการเงินนอกระบบ กระทรวง การคลัง เจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ประมาณ 100 นาย นำหมายค้นศาลอาญา กระจายกำลังเข้าตรวจค้นสถานที่ต่างๆ เพื่อหาพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบริษัท เบสท์ 59 จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตปุ๋ยและผลิตภัณฑ์การเกษตรให้สมาชิกในระบบขายตรง ในแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยปูแดงไคโตซานและผงชูรสปูแดง ฐานฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ พร้อมออกหมายจับนายสมปอง แซ่ตั้ง อายุ 51 ปี ประธานบริษัทเบสท์ 59 นายธนาพัทธ์ กิจใบ อายุ 46 ปี นายวิชาญ จำปาขาว อายุ 41 ปี และนายเนตินันท์ ประดิษฐ์ชัย อายุ 28 ปี โดย 3 คนหลังเป็นเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เบสท์ 59 หลังพบว่ามีการจ่ายเงินตอบแทนให้สมาชิกเกินกว่ากฎหมายกำหนดและประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต

จุดแรก เข้าตรวจค้นที่ บริษัทเบสท์ 59 จำกัด เลขที่ 34/6 ถนนแจ้งวัฒนะ หมู่ 1 ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทันทีที่เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายค้นเข้าตรวจหาหลักฐาน เจ้าหน้าที่บริษัท และสมาชิกขายตรงเกือบ 100 คน เกิดความไม่พอใจตะโกนโห่ร้องขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น พร้อมตะโกนเสียดสีด่าทอและยืนยันว่า เป็นธุรกิจที่ถูกต้องของชาวนา พร้อมนำผลิตภัณฑ์ปูแดงไคโตซาน มายืนยันว่าเป็นปุ๋ยบำรุงทางการเกษตรจริง ไม่มีพฤติกรรมหลอกลวง หรือทำแชร์ลูกโซ่ตามที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งได้รับรางวัลผู้ประกอบการดีเด่นจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว สมาชิกขายตรงบางคนปรี่เข้ามากระชากมือผู้สื่อข่าวด้วยอารมณ์ เกรี้ยวกราด บังคับให้ดื่มน้ำปุ๋ยปูแดงไคโตซาน จนเหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย เมื่อสมาชิกขายตรงที่ทราบข่าวเดินทางมาสมทบจำนวนมาก ชุดตรวจค้นต้องขอกำลังตำรวจจาก สภ.ปากเกร็ด มาช่วยควบคุมสถานการณ์ ก่อนถอนกำลังทั้งหมดออกมา เพราะเกรงจะเกิดเหตุวุ่นวายมากไปกว่านี้

จุดที่สอง เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริษัท ปูแดงไคโตซาน จำกัด บริษัทในเครือบริษัทเบสท์ 59 เลขที่ 55/88 หมู่ 3 ถนนสาย 345 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จุดที่สาม เข้าค้นโรงงานทีเอ็นพี ไคโตซาน จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปูแดงไคโตซาน ในเครือบริษัทเบสท์ 59 เลขที่ 106/5 หมู่ 4 ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม และจุดสุดท้ายเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 49/149 หมู่ 8 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี บ้านพักของนายสมปอง แซ่ตั้ง อายุ 51 ปี ประธาน บริษัทเบสท์ 59 ก่อนยึดพยานเอกสารและข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไว้ตรวจสอบจำนวนหนึ่ง

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 46 บริษัทเบสท์ 59 ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ. ให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ 2 ชนิด คือปุ๋ยปูแดงไคโตซาน และผงชูรสปูแดง ต่อมาปี 51 บริษัทเบสท์ 59 ได้ขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพิ่มเป็น 45 รายการ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก สคบ. จากนั้นให้พนักงานของบริษัทหรือสมาชิกขายตรงไปชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนสมัครสมาชิกเป็นเครือข่ายเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร พร้อมแนะนำแผนการจ่ายเงินตอบแทน เมื่อเจ้าหน้าที่ป้องปรามการเงินนอกระบบ กระทรวงการคลัง เข้าตรวจสอบพบว่า แผนการตลาดดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินให้สมาชิกขายตรงเกินกว่ากฎหมายกำหนดในอัตราร้อยละ 4-6 บางแผนจ่ายผลตอบแทนให้สมาชิกเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งเมื่อกรมวิชาการเกษตร เข้าตรวจสอบผลิตภัณฑ์ปุ๋ยปูแดงไคโตซาน ไม่พบสารที่เป็นปุ๋ยให้ประโยชน์ต่อพืชผล ส่วนผงชูรสปูแดงตรวจพบว่า มีสารของปุ๋ยผสมอยู่ เมื่อ สคบ. เพิกถอนใบอนุญาตขายตรง แต่บริษัทยังดำเนินกิจการ จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานเข้าจับกุม เบื้องต้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 คนคือ นายเนตินันท์ ประดิษฐ์ชัย

ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษกล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดของผลิตภัณฑ์ปูแดงไคโตรซาน สมาชิกต้องจ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ 3,500 บาท จ่ายค่าสมาชิกอีก 300 บาท เพื่อแลกผลิตภัณฑ์ปูแดงไคโตรซาน 1 ชุด และได้รับรหัสเป็นสมาชิกขายตรงของบริษัท เพื่อมีสิทธิหาผู้สนใจมาสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น หากหาสมาชิกใหม่ได้เพิ่ม จะรับผลตอบแทนคนละ 500-1,000 บาท หากหาสมาชิกได้มาก ผลตอบแทนจะทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ ตามที่กำหนดในแผนการตลาด เป็นการจ่ายผลตอบแทนเกินกว่ากฎหมายกำหนดในลักษณะแชร์ลูกโซ่ นำเงินสมาชิกใหม่มาจ่ายให้สมาชิกเก่าจนไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ จากการสอบสวนยังพบว่าบริษัทดังกล่าวมียอดเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 100 ล้านบาท มีสมาชิกขายตรงกว่า 1.1 หมื่นคน กำลังตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินหายอดความเสียหายที่แท้จริง

วันเดียวกัน ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ นายณัชรุตม์ ทบวงศรี ประธานกลุ่มพลังเครือข่ายผู้ขายตรงแห่งประเทศไทย แถลงข่าวตอบโต้การบุกตรวจค้นของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ขณะนี้บริษัทขายตรงของคนไทยถูกคุกคามอย่างหนัก โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สุ่มตรวจค้นบริษัทขายตรง และตั้งข้อหาระดมคน หรือแชร์ลูกโซ่ส่งผลให้กิจการขายตรงจำต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวม ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะ สคบ. จ้องจับผิดแต่บริษัทขายตรงที่มีคนไทยเป็นเจ้าของกิจการ

"ปัจจุบันธุรกิจขายตรงของคนไทยสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่ถูก สคบ.ฆ่าตัดตอนด้วยการนำเอาข้อกฎหมายมากล่าวหา หรือบุกตรวจค้น ทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือของบริษัท แม้ไม่พบหลักฐานการกระทำความผิด นี่คือพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำลายอุตสาหกรรมขายตรงของคนไทย หาก สคบ.มีความจริงใจ ควรชี้แนะหรือตักเตือน ไม่ใช่อาศัยแต่กฎหมายเป็นเครื่องมือฆ่าธุรกิจคนไทย ตรงข้ามกลับปล่อยให้บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติดำเนินธุรกิจอย่างสบาย ทั้งที่มีพฤติกรรมและวิธีการไม่แตกจากบริษัทของคนไทย ทำให้เกิดคำถามว่า สคบ.มี 2 มาตรฐานในการดูแลคนไทยกับชาวต่างชาติ เรื่องนี้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตลอดจนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม น่าจะลงมาดูในรายละเอียด เพื่อปกป้องธุรกิจของคนไทย โดยเฉพาะการขายตรงที่สามารถสร้างงานสร้างเงินให้กับคนยากคนจนได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ใช่ ปล่อยให้กลไกของรัฐทำร้ายประชาชน โดยวิธีการสองมาตรฐานเช่นนี้" นายกายกล่าว

ที่มา :http://www.thairath.co.th/today/view/59883
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนแนะนำแก่สมาชิก!! วันนี้

+เครื่องกรองน้ำกิฟฟารีนเอ็กซ์ตร้าเพียว ระบบกรองอัจฉริยะ 9 ชั้น ดีต่อสุขภาพคุณและครอบครัว
-สมบูรณ์แบบด้วยระบบกรองอัจฉริยะ
-คุณภาพมาตรฐาน
-รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี
-ง่ายต่อการบำรุงรักษา
-ให้ความประหยัดกว่าในระยะยาว

อัจฉริยะกรอง 9 ชั้น
1.ชั้นกรองตะกอนและสารแขวนลอยขนาดใหญ่จากน้ำดิบก่อนจะเข้าสู่เครื่องกรองน้ำ ช่วยปรับแรงดันน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในการกรองอย่างมีประสิทธิภาพ
2.ชั้นกรองรส กลิ่น สี สารอินทรีย์ต่างๆ ที่ตกค้างที่ปนเปื้อนมากับน้ำรวมทั้ง สารคลอรีน โลหะหนัก เคมีเกษตร เคมีอุตสาหกรรมจากอาคารบ้านเรือน
3.สารกรอง KDF 55 มาตรฐาน NSF จาก USA
4. ชั้นกรอง Activated Carbon 2
5.ชั้นกรองป้องกันและยับยั้งการเกิดแบคทีเรียในน้ำได้อย่างดียิ่ง
6. ชั้นกรองพิเศษ ช่วยกรองละออง ผง ฝุ่นตะกอนขนาดเล็กของสารกรองที่อาจหลุดมาเพื่อความสะอาดเพิ่มขึ้นอีก
7. แสงอุตราไวโอเลฆ่าเชื้อโรคที่ปนมาในน้ำอย่างมีประสิทธิภาพชั้นสุดท้าย
8. ระบบแม่เหล็ก (ปรับโมเลกุลน้ำ)เพื่อปรับสภาพน้ำที่กรองแล้วให้เป็นน้ำที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก (12 โมเลกุล) ซึ่งมีประโยชน์ในการนำพาสารอาหารเข้าสู่เซลส์ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. ระบบป้องกันแบคทีเรียและจุลินทรีย์ย้อนกลับที่ท่อน้ำสะอาดหลังกรองเพื่อความมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด

**ได้ PV เต็มด้วยค่ะ

ชมไฟลน์ VDO เครื่องกรองน้ำได้ที่นี่ http://www.no-poor.com/giffarine_media.html
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

11 ขายตรงทิ้งไพ่โหมธุรกิจส่งท้ายปีวัว

สำหรับความเคลื่อนไหวของบริษัทขายตรงในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2552 นั้น ก็ยังคงคึกคัก พบ 11 บริษัทขายตรงทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ปลุกขวัญกำลังใจสมาชิก โหมกระแสขายตรงแรงส่งท้ายปีวัว

เริ่มกันที่ยักษ์ใหญ่ขายตรงต่างชาติ อย่างบริษัท แอมเวย์ (ประ เทศไทย) จำกัด หลังงัดกลยุทธ์เด็ด ปูฐานผู้บริโภค ด้วยการลดค่าสมัครสมาชิกเหลือเพียง 100 บาท และเดินหน้าทำกิจกรรมคืนกำไรแก่สังคมมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ปิดฉากส่งท้ายปีวัว ด้วยการบินไกลไปถึงเชียง ราย จัดงานสัมมนาและแถลงข่าวใหญ่ถึงผลประกอบการ มั่นใจแอม เวย์ยอดขายทั้งปีเฉียด 13,000 ล้านบาท

ถัดมาเป็นบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอที อาทิ เครื่องครัว ตู้เย็น และไมโครเวฟ ที่สูงด้วยประสิทธิภาพ มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล และเพิ่มโอกาสทางการตลาดเพื่อขยายเครือข่ายทางธุรกิจแก่นักธุรกิจและสมาชิกผู้บริโภคกิฟฟารีน

ด้านบริษัท เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด จัดงานแถลงข่าวกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจเฮอร์บาไลฟ์ ในปี 2553 โดยมี มร.ทิม แซนซัน รองประ ธานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้จัดการทั่วไป เฮอร์บาไลฟ์ ไทยแลนด์ เดินทางมาร่วมพูดคุยกับสื่อมวลชน พร้อมเปิดตัว "คลับสุขภาพ" เพื่อการมีสุขภาพที่ดีตามภาวะโภช นาการที่เหมาะสมของคนไทย
ส่วนการจัดงานมอบเข็มเกียรติยศนักขาย ก็ยังคงมีอีกหลากหลายบริษัทจัดกัน เพื่อการฉลองส่งท้ายปี

อย่างบริษัท แด๊กซิน (ประเทศไทย) จำกัด จัดงาน "วันแห่งดาว ก้าวแห่งเกียรติยศ 2009" เชิดชูนักธุรกิจอิสระ ณ ศูนย์การประชุม ไบเทคบางนา, บริษัท เอเชี่ยนไลฟ์ จำกัด จัดงานประดับเข็มเกียรติยศนักขาย 101 คน เป็นครั้งแรก ในรอบ 22 เดือน ตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจมา และเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่น่าจับตามอง กับความแข็งแกร่งในการสร้างผู้นำ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจขายตรง

ถัดมาเป็นบริษัท โอทู อิน เตอร์เนชั่นแนล จำกัด โหมกระแสธุรกิจแรงต่อเนื่องปลายปี ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ฆ่าหญ้า, บริษัท ซีมูซี่ จำกัด จัดฉลองปีใหม่ให้กับบรรดาสมาชิก พร้อมกับบริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่จะจัดงานเลี้ยงปีใหม่ ขอบคุณสมาชิกเหมือนกัน แถมด้วยการมอบรางวัล แจกทอง แจกจานดาวเทียมเพียบ และบริษัท เบส์ท 59 จำกัด หรือปูแดง ไคโตซาน จัดแข่งกีฬาสีส่งท้ายปี เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานบริษัทกับบรรดาผู้นำสมาชิกเครือข่าย...งานนี้ถูกใจหมู่มวลสมาชิกยิ่งนัก

ด้านบริษัท จอยแอนด์ คอยน์ คอปอเรชั่น จำกัด หรือ 'เจริญโอสถ' จัดฉลองใหญ่เปิดสาขาใหม่ที่ขอนแก่น และปิดท้ายกันที่บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ ก็ยังคงเดินหน้าขยายศูนย์สาขาทิ้งทวนปลายปี ด้วยการเปิดฉลองศูนย์สาขาใหม่ ศูนย์รังสิต ณ จังหวัดปทุมธานี คาดปีหน้าจะบุกเปิดเพิ่ม 15 ศูนย์สาขา

ที่มา : http://www.taladvikrao.com,http://www.mlm.in.th
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ขายตรงปีวัวไฟ ปิดบัญชี4.7หมื่นล้าน

ธุรกิจเครือข่าย ขายตรง ปิดบัญชี ขายตรงปีวัวไฟ ค่ายใหญ่อันดับต้นๆ สอบผ่าน ค่ายเล็กทำธุรกิจหืดขึ้นคอ หลังโดนพิษ 'เศรษฐกิจ-การเมือง' เล่นงาน สิ้นปียอดขายรวมโตไม่ถึง 10% ปิดหีบยอดขาย จอดป้ายแค่ 4.7 หมื่นล้าน 'แอมเวย์' โกยเฉียด 13,000 ล้าน ด้าน 'กิฟฟารีน' ปลื้มใจ! ยอดขายโต 10% แตะตัวเลข 4,600 ล้าน ส่วนแชมป์ตลอดกาลอย่าง 'ปูแดง ไคโตซาน'ขายตรงสินค้าเกษตรต้นแบบ กวาดทะลุเป้า 3,600 ล้าน ม้ามืด 'นีโอไลฟ์' ขวัญใจรากหญ้า รับเหนาะๆ 1,850 ล้าน ด้าน 'เจริญโอสถ-โอทู' เฟื่องฟูเหลือหลาย ยอดขายโตพุ่งพรวด หลังโหมกระแสแรง ผ่านสื่อทีวีดาวเทียม...กูรูขายตรงชี้ ปีหน้าฟ้าใหม่ ยังคงเป็นโอกาสทองของธุรกิจขายตรง หากทุกบริษัทสามารถสร้างศรัทธา และสร้างความเชื่อมั่นได้แล้ว ฟันธง!ปีเสือดุ ธุรกิจขายตรงต้องคำราม!

หากย้อนมองภาพรวมของธุรกิจขายตรงตลอดทั้งปี 2552 แล้ว จะพบว่า แทบทุกค่ายบริษัทต้องทำ งานกันอย่างหนักมาตลอดทั้งปี หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมถึงปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาวิกฤติการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ประกอบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และประชาชนลดการจับจ่ายใช้สอยลง ทำให้ต้นทุนทางธุรกิจ ทั้งผู้ประกอบการ และนักธุรกิจอิสระ ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย

แม้ว่า ธุรกิจขายตรงจะยังคงมีปัจจัยบวกเข้ามาเสริม โดยเฉพาะคนว่างงาน ที่ได้ขยับขยายเข้ามาสู่ธุรกิจขายตรงมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ก็ตาม แต่จำนวนสมาชิกขายตรงที่เพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้เม็ดเงินในธุรกิจขายตรงโดยรวมแพร่สะพัดมากขึ้นเท่าใด เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

สำหรับอัตราการเติบโตของธุรกิจขายตรงโดยรวม จากการประ เมินในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คาดว่า น่าจะเติบโตได้กว่า 10% แต่พอเอาเข้าจริงๆ หลังเจอปัจจัยลบรุมเร้าทางเศรษฐกิจและการเมือง แม้ว่า ผู้ประ กอบการธุรกิจขายตรงจะมองเห็นวิกฤติเป็นโอกาส แต่กับผลสรุปยอดขายสิ้นปีนี้ของแต่ละบริษัทอย่างไม่เป็นทางการแล้ว พบว่า มูลค่าตลาดขายตรงโดยรวม ขยับเติบโตได้เพียง 7% หรือมีมูลค่าตลาดรวม 4.7 หมื่นล้านบาท เพียงเท่านั้น เรียกว่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ที่มีเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่า เป็นความโชคดีที่ธุรกิจขายตรงยังคงเติบโตได้ดีตลอดทั้งปี 2552 โดยเฉพาะบริษัทขายตรงค่ายใหญ่อันดับต้นๆ ซึ่งมีแบรนด์ติดตลาดแล้ว ยังคงแหวกเมฆฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจรอดพ้นไปได้ด้วยดี หลายค่ายเติบโตกว่า 10% บางค่ายโตแค่ 7-8% และก็มีบางค่ายเติบโตเพียง 5% ส่วนค่ายบริษัทเล็กๆ ที่รอดพ้นวิกฤติก็ทำได้แค่เสมอตัว หรือบางบริษัทยอดขายก็ลดลงเล็กน้อย แต่สำหรับขายตรงค่ายเล็กที่ไม่มีการสร้างแบรนด์ หรือแบรนด์ยังไม่แข็งพอ หรือแบรนด์ไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ย่อมต้องตกที่นั่งลำบาก บางบริษัทถึงคราต้องปิดตัว หรือดับสูญ หรือล้มหายตายจากไปจากวงการ ส่วนที่อยู่ได้ ก็ได้แค่ประคองตัวให้อยู่รอด ก็เท่านั้น

สำหรับในปีหน้า แม้ว่า จะยังคงเป็นปีเสือดุ แต่ก็เชื่อว่า ธุรกิจขายตรงโดยรวมจะเติบโตดีขึ้นกว่าปีนี้ หากไม่มีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามาแทรก...ด้วยเพราะเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว อันจะทำให้เม็ดเงินในระบบแพร่สะพัดมากขึ้น นั่นหมายถึงว่า จะมีการจับจ่ายภาคประชาชนมากขึ้น อีกทั้งสภาพการว่างงาน ก็ยังคงดำรงอยู่ ก็เชื่อว่า คน ว่างงานเหล่านั้น ส่วนหนึ่งก็จะถ่ายเทเข้ามาสู่ธุรกิจขายตรง

แต่สิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ก็คือ การปรับตัวรับมือให้พร้อม โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ให้เกิดการยอมรับ การใช้สื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์ การหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและประชาชน รวมถึงการมุ่งเน้นอบรมผู้นำ หรือการสร้างคน หรือการสร้างผู้นำให้เป็นนักธุรกิจที่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น และดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณมากขึ้น ซึ่งปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา ก็น่าจะช่วยให้ทุกบริษัทขายตรงฝ่าฟันอุปสรรคในปีเสือดุไปได้อย่างแน่นอน

สำหรับผลประกอบการของแต่ละบริษัทขายตรงนั้น ตามที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลตัวเลขมาบาง บริษัท ก็พอสรุปได้ว่า 'แอมเวย์' ยังคงเป็นจ้าวบัลลังก์ธุรกิจขายตรง ด้วยยอดขายทะลุทะลวงเกือบเตะ 13,000 ล้านบาท, ส่วน 'กิฟฟารีน' เตะตัวเลขอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท...ด้าน 'ปูแดง ไคโตซาน' มาแรงแซงโค้งคว้าชัย 3.6 พันล้านบาท ถัดมา 'นีโอ ไลฟ์'1,850 ล้านบาท, โอทู 900 ล้านบาท และ 'เอเชียนไลฟ์' อยู่ที่ 200 ล้านบาท


ตลาดขายตรงปีวัวปิดบัญชี4.7หมื่นล.

พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจขายตรงในปีนี้ว่า แม้ว่า ธุรกิจขายตรงจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน จนภาคธุรกิจขายตรงต้องแบกรับภาระต้นทุนด้านการบริหารจัดการเพิ่ม แต่ก็ใช่ว่า ธุรกิจขายตรงโดยภาพรวมจะไม่เติบโต โดยทั้งปีนี้ ธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโต อยู่ที่ 7% ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์เอาไว้ว่า น่าจะมีอัตราการเติบโต 10% โดยมูลค่าตลาดรวมทั้งปี ตัวเลขอยู่ที่ประมาณกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 พันล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท

สำหรับ 'กิฟฟารีน' แล้ว การดำเนินธุรกิจ แทบจะเรียกว่า ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจน้อยมาก เนื่องจากบริษัทมีฐานสมาชิกจำนวนมาก โดยมีสมาชิกที่สมัครเข้ามาใหม่มากกว่า 5,500,000 รหัส และเมื่อสมัครเข้ามาแล้ว ก็จะดำรงความเป็นสมาชิกของ 'กิฟฟารีน' ไปตลอดชีพ และที่พบส่วนมาก สมาชิกของ 'กิฟฟารีน' เริ่มจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนสมาชิกที่มีรายได้จากการทำธุรกิจ "กิฟฟารีน" นั้น ขณะนี้มีอยู่มากกว่า 3 แสนคน และมีการกระจายสินค้าผ่านผู้บริโภคของ 'กิฟฟารีน' ประมาณ 5 ล้านชิ้นต่อเดือน

"ในช่วง 11 เดือนแรกที่ผ่านมา 'กิฟฟารีน' ปิดยอดขายอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท ส่วนช่วงเดือนสุดท้ายที่เหลือปลายปีนี้ น่าจะทำได้อีกหลายร้อยล้านบาท และอาจจะส่งผลให้ 'กิฟฟารีน' ปิดยอดขายทั้งปี เติบโต 10% หรือตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 4,600 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้ากวาดยอดขาย 5,000 ล้านบาท"
ที่มา : http://www.taladvikrao.com,http://www.mlm.in.th

http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

เจาะเกาะติดสูตรสำเร็จ13ปี'กิฟฟารีน' ขายตรงแบรนด์ไทยธุรกิจก้าวไกลสมราคา

กะเทาะเปลือกเนื้อในความสำเร็จขายตรงแบรนด์ไทยค่าย "กิฟฟารีน"...13 ปีแห่งการยืนหยัดในวงการเครือข่าย...ล้วงลึก "กุญแจดอกสำคัญ" เส้นทางทะยานสู่ความสำเร็จด้วยโมเดลของธุรกิจที่เน้นความแตกต่างแหวกแนวไม่เหมือนใคร...ระบุ! พบยอดขาย 13 ปี แตะเพดานกว่า 3.2 หมื่นล้าน และมอบผลประโยชน์ให้นักธุรกิจกิฟฟารีนเกินกว่า 1.4 หมื่นล้าน...ลั่น! ก้าวสู่ปีที่ 14 เตรียมลั่นไก "ขีปนาวุธ" ทีเด็ดเป็นระลอกตอกย้ำแบรนด์

13 ปีที่ผ่านมา "กิฟฟารีน" เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น 10% ทุกปี มียอดขายโดยรวมแล้วเกินกว่า 32,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมอบผลประโยชน์ให้กับนักธุรกิจ กิฟฟารีนไปแล้วเกินกว่า 14,000 ล้านบาท และมีนักธุรกิจกิฟฟารีนที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้มีรายได้เกินกว่าหลักล้านขึ้นไปแล้วมากกว่า 1,000 คน"...

..."คิดใหญ่ ทำใหญ่ มองใหญ่ ทุกอย่างใหญ่ตาม"...เหมือนกับการทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ หากเราคิดอะไรที่ใหญ่ และตั้งปณิธานว่าต้องไปให้ถึง สิ่งที่ฝันมันก็ย่อมมาถึงได้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่ว่าจะช้าหรือจะเร็วเท่านั้นเอง...ที่เกริ่นมาอย่างนี้ อยากที่จะขอพูดถึงขายตรงสัญชาติไทย ที่ไม่มีลูกครึ่งมาผสมเลยแต่อย่างใดนั่นคือ "กิฟฟารีน" ซึ่งค่ายนี้บอกได้คำเดียวว่าโชคดีเหลือเกินที่มี "แม่ทัพหญิง" ทั้ง "เก่ง" และ "แกร่ง" อยู่ในคนๆ เดียว เพราะบทที่จะ "บู๊" ก็บู๊เสียเหลือเกิน บทที่จะตั้งรับทางธุรกิจก็ตั้งรับแบบระวังตัวไม่ประมาท...นี่แหล่ะเขาถึงว่า..."มีแม่ทัพหน้าดี ได้เปรียบไปหลายช่วงตัว"...

ความสำเร็จของ "กิฟฟารีน" เกิดขึ้นมาได้ ส่วนหนึ่งมาจาก "การวางหมาก" ของ "โมเดล" ที่แตกต่าง ทั้งในเรื่องของการวางโปรดักซ์และบริการที่เข้าถึงครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญ "กิฟฟารีน" ยังให้ความสำคัญในเรื่องของฐานข้อมูลลูกค้า รวมถึงการทำตลาดเชิงบูรณาผ่านการซื้อข่ายทางอินเตอร์เน็ตอีกด้วย...นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ "กิฟฟารีน" ใช้มาโดยตลอดในการทำธุรกิจช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ความสำเร็จของ "กิฟฟารีน" เอง ไม่ใช่มีเพียงแค่การวางโมเดลความแตกต่างในเรื่องของธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่งคอยเป็น "ปีกซ้าย" และ "ปีกขวา" ของการทำธุรกิจให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น "น.ท.นพ. จักรพงศ์ ไพบูลย์" รองประธานกรรมการ ที่ดูแลในส่วนของการผลิตภายในโรงงาน, "พญ.ใจทิพย์ ไพบูลย์" กรรมการผู้จัดการ ดูแลในส่วนของการตลาดต่างประเทศ และอีกหนึ่งท่านที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญของ "กิฟฟารีน" เลยก็ว่าได้นั่นคือ "พงศ์พสุ อุณาพรหม" ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด...
เชื่อไหมล่ะว่า!....กว่าที่ "กิฟฟารีน" จะ "ยืนหยัด" และ "ผงาด" บน "สังเวียนขายตรง" จนมาถึงวันนี้...13 ปี และกำลังจะย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 นั้น ต้อง "พลิกตำรารบพิชัยสงคราม" กันแบบอุตลุดกันเลยทีเดียว กว่าที่จะมีวันนี้ได้!!...


ยุทธวิธีสู่แบรนด์อินเตอร์ 'กิฟฟารีน' สยายปีกเร็ว-แรง

...หากจะให้ย้อนดูถึงธุรกิจ "กิฟฟารีน" ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นธุรกิจจนมาถึง ณ เวลานี้ พัฒนาการการเติบโตของ "กิฟฟารีน" เสมือน "พลังช้างสาน" ที่ "กำลังคึก-กำลังหิวกระหาย" ในธุรกิจ ซึ่งพร้อมที่จะขับเคลื่อน "ยุทธหัตถี" เชิงรบในธุรกิจอยู่ตลอดเวลา...
เห็นได้จาก "กลยุทธ์ทีเด็ด" ในการพิชิตใจคนเครือข่ายของค่ายนี้ที่ใช้กลยุทธ์แบบง่ายๆ ที่ไม่ซ้ำซ้อนเหมือนใคร...นั่นก็คือกลยุทธ์ที่ว่า..."ต้องเข้าใจคนอื่นก่อน ไม่เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง สามารถปรับตัวได้รวดเร็วตามสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ที่จะออกมาสู่ตลาดแต่ละตัวต้องเน้นคุณภาพมาก่อน ในราคาที่เหมาะสม"...สิ่งเหล่านี้ คือ "แรงผลักดัน" ให้ "กิฟฟารีน" สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินการ (17 มีนาคม 2539) จนถึงปัจจุบันนี้อย่าง "สง่างาม"!!.....

วันนี้แบรนด์ "กิฟฟารีน" สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Mass ได้อย่างสบาย และกลายเป็นเครือข่ายธุรกิจขายตรงแบรนด์ไทยที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ที่สำคัญ สามารถชิงส่วนแบ่งจากแบรนด์ต่างชาติได้อย่าง "ขาดกระจุย" เลยทีเดียว หากใครที่ติดตามค่ายนี้คงรู้เป็นอย่างดี!!

...จะเห็นได้ว่า ในเรื่องของ "จุดต่าง" ทางธุรกิจถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะเป็นการช่วยประครององค์กรให้สามารถขึ้นมา "ผงาด" ในสมรภูมิรบขายตรงได้ ซึ่งที่ "กิฟฟารีน" ก็สามารถพิสูจน์ถึงจุดต่างทางธุรกิจของตนเองให้คนเครือข่ายได้ประจักษ์แบบ "ครบเครื่อง" กันแล้วว่า ที่นี่มี "จุดต่าง" ที่ "ฉีก-แหวกแนว" ค่ายอื่นจริงๆ...เห็นได้จากจุดต่างที่ค่ายนี้ใช้มาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นจุดต่างในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่เสนอต่อลูกค้า จุดต่างในเรื่องของระบบบริหารเครือข่าย ซึ่งทั้ง 2 จุดต่างนี้ เป็นเพียงแค่ "คัมภีร์ยุทธ์" ไม้เด็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรของค่าย "กิฟฟารีน" ได้ดีจริงๆ
และอีกหนึ่งกลยุทธ์ปูทาง "ก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์" ของ "กิฟฟารีน" นั่นคือ การมุ่งมั่นให้ความสำคัญในการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ซึ่งขณะนี้ "กิฟฟารีน" มีการส่งออกไปต่างประเทศแล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก อาทิ ประเทศอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, เยอรมันนี, ออรเตรเลีย, เกาหลี, ญี่ปุ่น,เบลเยียม, ไต้หวัน และจีน นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดตั้งกิฟฟารีน Flagship Store and Business Center ขึ้นที่ประเทศฮ่องกง เพื่อรองรับการเติบโตของกิฟฟารีนในต่างประเทศอีกด้วย...นับเป็นการรุกตลาดต่างประเทศแบบน่ากลัวอย่างมากทีเดียว สำหรับค่ายนี้!!


โรงงาน-โฆษณา-รางวัลดีเด่น ตัวแปรสู่ 'Brand Ambassadors'

...ที่ผ่านมา ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า "กิฟฟารีน" มีการบุกตลาดชนิดที่ว่า "ครบเครื่อง-ครบรส" และสร้างการรับรู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าทึ่งทีเดียว...โดยการรุกตลาดของ "กิฟฟารีน" แต่ละครั้ง "อาวุธ" ที่ออกไป "อณุภาพ" เรียกว่าร้ายแรงและตรงเป้าหมายที่วางไว้เสียเหลือเกิน

ไม่ว่าจะเป็น "ขีปนาวุธลูกแรก" ที่เพิ่งปล่อยออกมาได้ไม่นานนั่นคือ การเปิดตัวโรงงานที่ครบวงจรอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 700 ล้านบาท...นับเป็นอีกหนึ่ง "ขีปนาวุธแรก" ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการขายตรงได้ไม่น้อย สำหรับความพร้อมในเรื่องของการผลิต

"ขีปนาวุธลูกที่สอง"...ซึ่งหลายคนคงพอที่จะนึกออกนั่นก็คือ "การโฆษณา"...วันนี้ ในเรื่องของ "การโฆษณา" ค่าย "กิฟฟารีน" เองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร อาจจะรุกหนักเสียยิ่งกว่าค่ายอื่นๆ เสียซ้ำไป โดย "ขีปนาวุธ" ลูกนี้ นับเป็นภาพที่สร้างความฮือฮา ให้กับผู้บริโภคได้กล่าวขานกันมากทีเดียว เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การออก "ภาพยนตร์โฆษณา" ซีรี่ส์เรื่องยาวที่ได้ดึงดาราดังอย่าง "จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา" และ "อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์" มาการันตีความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า "สินค้าแบรนด์ไทย ไม่แพ้ใครในโลก"...ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายใหญ่ที่ "กิฟฟารีน" ตั้งเป้าไว้คือ ต้องการเป็น "Brand Ambassadors"...

ที่สำคัญ ปีนี้ความพิเศษของการ "ตอกย้ำแบรนด์" ผ่านสื่อทีวี โดย "ภาพยนตร์โฆษณา" ของ "กิฟฟารีน" ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปีที่ผ่านเช่นกัน...ซึ่งความพิเศษของภาพยนตร์โฆษณาในปีนี้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า "Why Giffarine" เพื่อตอบโจทย์ว่า ทำไมธุรกิจกิฟฟารีนจึงเป็นธุรกิจที่โดดเด่น และน่าสนใจ อีกทั้งเพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นธุรกิจแบรนด์ไทย ที่มุ่งหวังในการสร้างรายได้และอาชีพให้กับคนไทยในทุกภาวะเศรษฐกิจ ภาพยนตร์โฆษณาของกิฟฟารีนในปีนี้ จึงออกแบบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจ และเชิญชวนให้คนไทยมาร่วมทำธุรกิจกิฟฟารีน รวมถึงสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ...เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง การตอกย้ำความมั่นคงของธุรกิจได้เป็นอย่างดี

...ณ วันนี้ "กิฟฟารีน" ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะนอกจากเป็นผู้นำด้านธุรกิจเครือข่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามชั้นนำในประเทศไทยแล้ว "กิฟฟารีน" ยังได้รับรางวัล "Superbrands 2008-2009" ในฐานะสุดยอดแบรนด์ไทยที่มีความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์ รวมถึงได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เข้ารับรางวัล "อย. QUALITY AWARDS 2009" อีกด้วย

ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำจุดแข็ง ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์สู่สายตานานาประเทศทั่วโลก ที่สำคัญ ยังเป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์ไทยนั้นมีคุณภาพและมีมาตรฐานไม่แพ้อินเตอร์แบรนด์ในต่างประเทศเช่นกัน...ซึ่งทั้ง 2 รางวัลที่กล่าวมานี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง "ขีปนาวุธ" ชั้นเลิศที่ค่ายอื่นไม่มีแต่ "กิฟฟารีน" มี!!..
ที่สำคัญ "แม่ทัพหญิงคนเก่ง" อย่าง "พ.ญ. นลินี ไพบูลย์ " หรือ หมอต้อย ยังสร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยนั่นคือ การได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 ของนักธุรกิจไทย จากทั้งหมด 15 คนทั่วโลก ขึ้นรับรางวัลนักธุรกิจสตรีดีเด่นโลกปี 2007 (Leading Women Enterpreneurs of the World 2007)...นี่แหล่ะคืออีกหนึ่งความเพอร์เฟ็คที่เรียกว่าลงตัวอย่างมากทีเดียว อาจเรียกได้ว่า "กิฟฟารีน" คือหนึ่งในธุรกิจต้นแบบของหลายๆ ธุรกิจเลยก็ว่าได้


13ปี 'กิฟฟารีน' ที่ยิ่งใหญ่สร้างคนสำเร็จด้วยธุรกิจ

...จะเห็นได้ว่า จากผลประกอบการที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของ "กิฟฟารีน" มา 13 ปี สิ่งที่หลายๆ ท่านคงเห็นกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ วิวัฒนาการของธุรกิจกิฟฟารีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก ยอดขาย เป็นต้น...ซึ่งที่ผ่านมา "พ.ญ.นลินี" ได้เคยกล่าวไว้ว่า..."สิ่งที่ชาวกิฟฟารีนมีความภาคภูมิใจสูงสุด ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข หรือผลประกอบการ ไม่ได้อยู่ที่การสร้างนักธุรกิจให้เป็นเศรษฐีเงินล้าน หรือสร้างคนให้มีรายได้เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การทำให้คนไทยมีกำลังใจที่จะเป็นคนดี ครอบครัวมีรายได้มั่นคงอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นนักธุรกิจกิฟฟารีน ต้องมีหัวใจ และมีน้ำใจในการทำธุรกิจ จะต้องดูแลเอาใจใส่คนที่ชักชวนเข้ามาทำธุรกิจ และต้องเป็นคนดี ดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เพื่อสร้างคนดีให้เป็นนักธุรกิจด้วยกัน"

..."13 ปีที่ผ่านมา "กิฟฟารีน" เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น 10% ทุกปี มียอดขายโดยรวมแล้วเกินกว่า 32,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมอบผลประโยชน์ให้กับนักธุรกิจ กิฟฟารีนไปแล้วเกินกว่า 14,000 ล้านบาท และมีนักธุรกิจกิฟฟารีนที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้มีรายได้เกินกว่าหลักล้านขึ้นไปแล้วมากกว่า 1,000 คน"...นี่คือคำพูดที่การันตีถึงความสำเร็จของ "กิฟฟารีน" ที่ "พ.ญ.นลินี" ได้กล่าวไว้ในงานฉลองการก้าวสู่ปีที่ 14 ในงานประชุมประจำปีที่ผ่านมา

...และทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ "กลยุทธ์" การเข้าใจ เข้าถึงผู้บริโภคแบบง่ายๆ และสามารถครองใจผู้บริโภคและเหล่าสมาชิกได้อย่างอยู่มัด เรียกว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ 13 ปีที่ "กิฟฟารีน" ยืนหยัดอยู่ในธุรกิจขายตรงและกำลังจะก้าวสู่ปีที่ 14 ณ ชั่วโมงนี้ ต้องบอกว่าค่ายนี้ไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะความสำเร็จของกิฟฟารีนในแต่ละปีนั้นมักที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยภาพที่ชัดเจน...มาติดตามกันดูว่าปีที่ 14 "กิฟฟารีน" เขาจะมีอะไรมา "เขย่าวงการขายตรง" กันอีกบ้าง เชื่อว่าคงมีทีเด็ดที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยอย่างแน่นอน!!...

ที่มา : http://www.mlm.in.th
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

แฮปปี - กิฟฟารีน จับคู่สร้างเครือข่ายเติมเงินระดับประเทศ

แฮปปี้ โทรศัพท์แบบเติมเงินจากดีแทค จับมือ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กิฟฟารีนเป็นพันธมิตรร่วมขยายธุรกิจ เตรียมออกบริการ e-refill ขยายช่องทางการเติมเงินผ่านเครือข่าย MLM ที่ใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรกของเมืองไทยภายในไตรมาสแรกของปี 2548 คาดเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกกิฟฟารีนปีละมหาศาล และเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าแฮปปี้ทั่วประเทศ มั่นใจโครงสร้างธุรกิจแบบวิน-วิน นำสู่การเติบโตในระยะยาว
นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น กล่าวว่า แฮปปี้เห็นความสำคัญของการร่วมธุรกิจกับพันธมิตรที่ดีอย่างกิฟฟารีน เพราะวันนี้ด้วยกำลังและความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายทำให้เกิดการพัฒนาของบริการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าและสร้างความแปลกใหม่ให้กับทั้ง 2 วงการอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเชื่อว่านวัตกรรมบริการนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่บริการใหม่อื่นๆ ในอนาคตด้วย
แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า กิฟฟารีนได้ร่วมมือกับแฮปปี้ในการจำหน่ายสินค้าของแฮปปี้มาระยะหนึ่งแล้ว นับเป็นการขยายประเภทของสินค้าของบริษัทฯ จากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมาสู่สินค้าไอที ทั้งนี้เพื่อได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าของเราในปัจจุบัน โดยในอนาคตทั้งสองบริษัทจะได้เพิ่มความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น สมาชิกของกิฟฟารีนจะเป็นตัวแทนในการร่วมบริหาร e-refill ซึ่งเป็นระบบที่เพิ่มความสะดวกในการเติมเงินให้กับลูกค้าแฮปปี้ อีกทั้งยังสร้างความสะดวกในการบริการของสมาชิก เนื่องจากเป็นการจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความมันสมัย คาดว่าน่าจะเป็นบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในยุคของการสื่อสารได้เป็นอย่างดี
นายธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มแฮปปี้ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น กล่าวว่า ทุกวันนี้แฮปปี้ได้พลังจากสมาชิกกิฟฟารีนเป็นจำนวนมากช่วยจำหน่ายสินค้าทั้งซิมและบัตรเติมเงินซึ่งยังเป็นการจำหน่ายในแบบปกติทั่วไปอยู่ แต่ในอนาคตเราทั้ง 2 ฝ่ายมีความคิดตรงกันที่จะนำกลยุทธ์ Channel Mobility ที่แฮปปี้ใช้อยู่ในปัจจุบันมาใช้อย่างจริงจับมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการนำสินค้าไปถึงมือลูกค้ามากกว่าที่จะรอให้ลูกค้าเดินมาซื้อเอง ดังนั้นในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าเราจะร่วมกันพัฒนาระบบ e-refill หรือการเติมเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งยังไม่มีใครทำมาก่อนในเมืองไทยให้สมาชิกกิฟฟารีนเติมเงินให้กับลูกค้าผ่านทางมือถือเป็นรายแรก ทั้งนี้ก็จะก่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการเติมเงินกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยมีสมาชิกของกิฟฟารีนเป็นหน่วยงานที่เดินเข้าไปหาลูกค้าเองถึงที่ สำหรับสมาชิกก็จะมีความสะดวกในการขายสินค้าผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่จำเป็นต้องถือสินค้าไปด้วย นับเป็นการขยายช่องทางการบริการและเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
ปัจจุบัน กิฟฟารีนมีสมาชิกกว่า 3 ล้านรหัสทั่วประเทศ และมีศูนย์บริการในฮ่องกงและพม่า โดยเป็นบริษัทของคนไทยที่มีเครือข่ายการขายแบบ MLM (Multi Level Marketing) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
แฮปปี้ โทรศัพท์แบบเติมเงินจากดีแทค เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของเมืองไทย มีลูกค้าในระบบพรีเพดอยู่กว่า 6 ล้านราย ในปัจจุบัน โดยจำหน่ายแฮปปี้ซิม และเบบี้ซิม (ซิมรุ่นเล็ก) บัตรเติมเงิน และบริการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มีกลุ่มเป้าหมายในระดับมหาชนและตั้งอยู่บนปรัชญาของความพอดี ใจดี ดีใจ และพอใจ


ที่มา: http://www.ryt9.com/s/prg/155095,http://www.mlm.in.th
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

พ.ญ.นลินี ไพบูลย์(หมอต้อย) : Giffarine : ชีวิตที่ไม่ใช่นิยาย

เพลง มาร์ช ที่มีจังหวะและเนื้อหาเร้าใจของ บริษัทกิฟฟารีน ดังกระหึ่มขึ้นในห้อง มรกต โรงแรมอินทรา พร้อมๆกับสายตากว่าพันคู่พุ่งมองไปยังพ.ญ .นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ที่กำลังก้าวขึ้นสู่ เวทีและเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆแต่กระชับชัดเจน สะกดให้ทุกคนตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูดนานนับชั่วโมง
หญิงชายหลากหลายวัย ทั้งหมด 1,800 กว่าคนในห้องนั้นคือ “ดาว ดวง ใหม่” หรือสมาชิกใหม่ ที่ สนใจในธุรกิจขายตรงของสินค้าของกิฟฟารีน และเพิ่งเข้ามาร่วมกิจกรรมกับทางบริษัทเป็นครั้งแรก ช่วงเวลาที่ “หมอต้อย” กำลังพูดในหัวข้อ “สกายไลน์ ธุรกิจแห่งความสำเร็จในชีวิต” ในห้องประชุมอื่นๆบนชั้น 4 ของโรงแรมอินทรา อีกประมาณ 6 ห้อง ก็คลาคล่ำไปด้วยสมาชิกของกิฟฟารีนที่จะต้องเข้าเทรนนิ่งในหัวข้อต่างๆกัน เช่น ห้องพัฒนาผู้นำ ห้องเจาะลึกการตลาด ห้องผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ห้องทายาทธุรกิจกิฟารีน ห้องผลิตภัณฑ์อาหาร และห้องผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมทั้งหมดแล้วประมาณ1,800คน


ท่ามกลางผู้คนที่มากมาย วันนั้น หมอต้อยจำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่คอย เดินประกบรักษาความปลอดภัย ทั้งหมดเป็นกิจกรรม ที่จัดขึ้นฟรีเพื่อสมาชิก ทุกเย็วันอังคาร ที่โรงแรมแห่งนี้มานานต่อเนื่องกว่า10ปี
ในปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทก็ได้จัดงานครบรอบ 10 ปีครึ่ง ที่ศูนย์ประชุมไบเท็คบางนา ท่ามกลางผู้ร่วมงานเกือบ 2 พันคน เพื่อฉลองยอดขายตัวเลข 3 พันล้านบาท จากจำนวนสมาชิกที่ขยายถักทอออกไปราวกับใยแมงมุมถึง4ล้านเลขหมาย ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกขายตรงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่าและฮ่องกงด้วย


ธุรกิจ MLM (Multi Level Marketing) หรือ Network Marketing นั้น หากย้อนหลังไปประมาณ 10-15 ปี คงยังไม่เป็นที่รู้จักนัก แต่ปีพ.ศ.นี้ หากมองจากผู้คนที่เข้ามาร่วมงาน จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่ได้ให้ความสนใจกับธุรกิจขายตรงมากขึ้น และเป็นผู้ชายมากขึ้น พร้อมๆกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ในกลุ่มสุขภาพและความงามที่เพิ่มขึ้นด้วย
ในวัยเด็กหมอต้อยมาจากครอบครัวที่มีความสุข เป็นครอบครัวเล็กๆ ที่มี พี่น้อง 3คน คุณพ่อ คุณแม่รับราชการทั้งคู่ โดยคุณพ่อ คือพลอากาศตรีพิมล ไพบูลย์ ข้าราชการทหารอากาศ และผู้ช่วยศาสตราจารย์มณฑา ไพบูลย์ เป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒิ ปทุมวัน


“ตอนเด็ก ๆ หมอเป็นเด็กไฮเปอร์ค่ะ”เธอย้อนอดีตให้ด้วยใบหน้า เปื้อนยิ้ม ซึ่งเป็นบุคลิกเด่นประจำตัวของเธอ
“ถ้าเป็นสมัยนี้พ่อแม่ และผู้ปกครอง อาจจะรู้ และมีวิธีการรักษาเช่นให้ยา แต่ตอนนั้นไม่มีใครรู้ ๆ แต่ว่าทำไมหมอเป็นเด็กที่ซนมาก ไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่เคยทำการบ้านเลย แต่เป็นเด็กหัวดี โชคดี ได้เจออาจารย์ท่านหนึ่งที่มีวิธีการที่ฉลาด คือบอกกับหมอว่า ถ้าหนูไม่ทำการบ้านแต่หนูสอบได้ที่ 1 คิดว่าเพื่อนๆ จะคิดอย่างไร เพื่อนๆก็จะมองว่า ขนาดคนที่ไม่ได้ทำงานไม่ทำการบ้านยังสอบได้ที่ 1 เลย แล้วเพื่อนจะทำการบ้านเหรอ แล้วถ้าเพื่อน เรียนหนังสือไม่เก่งอย่างหนู เขาจะเป็นอย่างไรต่อไป และอาจารย์ ยังจัดเพื่อนให้หมอรับผิดชอบ 2 คน คือคนที่เรียนหนังสือตกแล้วตกอีก โดยบอกว่าคราวนี้ ถ้าเพื่อนสอบไม่ผ่านจะปรับตกทั้ง 3 คนเลยนะ หมอเลยต้องขยัน ต้องตั้งใจเรียนเพื่อเอาไปช่วยสอนเพื่อน ด้วยกลัวเพื่อนสอบตก”
ด้วยกุศโลบายที่ชาญฉลาดของอาจารย์ ทำให้หมอต้อย เปลี่ยนไป สามารถสอบเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และ เข้าเรียนต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ได้ตามที่คุณแม่คาดหวังไปเป็นน้องใหม่ของคณะที่มีหน้าตา จนรุ่นพี่ต้องให้เข้าไปช่วยงานกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเช่น เป็นตัวแทนทำหน้าที่อัญเชิญพระเกี้ยวในงาน ฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ประจำปี2521 เป็นตัวแทนของคณะประกวดนางนพมาศ และเป็นหน้าปกหนังสือสกุลไทย
ทั้งหมดน่าจะเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า หมอต้อย เป็นคนสวย ที่ฉลาด และเป็นคนดังคนหนึ่งในช่วงเวลานั้น และแม้วันนี้ วัย 48ปี ของเธอก็ยังสวย และดูดีมาก
หมอต้อย เลือกเรียนเฉพาะทางทางด้านสูตินารีแพทย์ที่โรงพยาบาลภูมิพล เธอทำคลอดเด็กมาแล้วหลายร้อยคน หลังจาการแต่งงาน เธอก็ยังทำหน้าที่เป็นหมอทำคลอด อยู่หลายปี จนต่อมาตัดสินใจเปิดคลินิกนอกเวลาเพื่อหารายได้เสริม

แต่พบว่าในย่านห้วยขวางที่เป็นคลินิกแห่งแรกของเธอนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้ที่ยากจน เลยมีความคิดว่า น่าจะเปลี่ยนจากคลินิกรักษาโรคทั่วไป เป็นคลีนิคที่รับปรึกษาเรื่องความงามด้วย เพื่อเอากำไรจากตรงนี้ไปช่วยเหลือคนจนได้บ้าง โดยเริ่มจากไปรับยาจากคุณหมอท่านอื่นมา ขายต่อหลังจากนั้นก็ คิดดัดแปลงสูตรเองเพื่อให้ได้คุณภาพยิ่งขึ้น ซึ่งก็ได้ผลดีมาก มีคนไข้มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีความคิดว่าน่าจะมีช่องทางการตลาดอย่างอื่นบ้างเลยไปติดต่อห้างสรรพสินค้า เพื่อจะนำสินค้าไปวางขาย


“หมอตกใจมากพอรู้ว่าต้องใช้เงินจำนวนมากหากจะเอาสินค้าไปวาง เช่นต้องมีค่าแรกเข้า ค่าโฆษณา และต้องมีสต๊อกสินค้าชัดเจน คิดแล้วเป็นเงินนับสิบล้านบาท แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมา พอดีมีเพื่อนแนะนำเรื่องวิธีขายตรง ก็เลยมาศึกษาช่องทางแบบขายตรง ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการกระจายสินค้าและบริการ ที่นำเอาส่วนต่างที่ไม่ต้องจ่ายให้กับห้างร้าน ปันผลให้กับคนที่มาทำหน้าที่ขายตรงแทน
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจขายตรงยี่ห้อแรกคือ “สุพรีเดอร์ม”ที่บุกเบิกกิจการร่วมกับอดีตสามี หลังจากนั้นเธอตัดสินใจลาออก จากงานประจำมา เรียนรู้การทำธุรกิจอย่างจริงจังไปพร้อมๆกับเรียนรู้นิสัยของคนไทย ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเวลา 9 ปี จนวันหนึ่งยอดรายได้เริ่มมั่นคง และบริษัทเติบโตมีชื่อเสียงมากขึ้น


“แต่หมอกลับมารู้ตัวว่า วันนั้นหมอกลับไม่เหลืออะไรเลย ประสบความสำเร็จเรื่องงานแต่หมอเอาครอบครัวไว้ไม่ได้ ” น้ำเสียงของเธออ่อนเบาลงเมื่อพูดถึงตรงนี้
หลังการหย่ากับสามี เธอมีเงินอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท และมีหน้าที่เลี้ยงดูลูกสาวอีก 2 คน ที่กำลังเล็ก เธอบอกว่าช่วงนั้นเธอสับสน เครียดและวุ่นวายใจจนเคยคิดจะฆ่าตัวตาย
ภาพของลูกสาว 2 คน ที่กำลังน่ารักคือสิ่งผลักดันให้เธอยืนขึ้นสู้อีกครั้ง คราวนี้เธอเริ่มใหม่กับธุรกิจขายตรงอีกครั้ง กับแบรนด์ กิฟฟารีน ที่เอาชื่อมาจากลูกสาวคนโต“น้องกิ๊ฟ” เด็กหญิงสิริอร ที่วัยนี้มี อายุ 15ปี และน้อง ฟ้า เด็กหญิงพิชชาอร อายุ 12 ปี


เงิน100 ล้านบาท ตั้งใจไว้ว่าจะเหลือไว้ให้ลูก 2 คน 10 ล้านบาทเผื่อทำธุรกิจไม่ประสบสำเร็จลูก ๆ ก็ยังมีเงินเรียนหนังสือ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องเอามาลงทุนในการซื้อที่ดิน สร้างโรงงงาน และศูนย์จำหน่ายในช่วงเปิดตัวอีก8 แห่ง และเมื่อเธอเปิดกระเป๋าอีกครั้งพบว่ามีเงินอยู่ในบัญชีเพียง 500 บาทเท่านั้น
เป็นการเริ่มทำธุรกิจครั้งใหม่โดยมี ชีวิตเป็นเดิมพัน คราวนี้ไม่มีคู่ชีวิตอยู่เคียงข้างเหมือนเคย มีเพียงการทำงานที่หนักขึ้น ๆ ด้วยความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียว


วันที่ 17 มีนาคม 2539 บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้เปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังโตเต็มที่ ปีแรกบริษัทมีผลประกอบการที่ 384 ล้านบาท ปีที่สองฟองสบู่แตกกระจาย แต่รายได้ของบริษัทกลับพุ่งพรวดไปถึง1,600 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทก็มีอัตราการเติบโตอยู่ที่อัตรา10 กว่า เปอร์เซ็นต์ทุกปี
ปีไหนเศรษฐกิจไม่ดีจะสร้างโอกาสให้ธุรกิจขายตรงทันที แม้กำลังซื้อของคนจะลด คนซื้อของน้อยลง แต่กลับมีคนมาร่วมงานมากขึ้นช่องทางการขาย และเม็ดรายได้ก็เพิ่มขึ้นตาม
“จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่เราไม่มีอุปสรรคนะคะ เรามีมาตลอดทาง เหนื่อยมากเพราะเป็น สินค้าเปิดใหม่ แบรนด์ ของสินค้ายังไม่เป็นที่รู้จัก และยังเป็นของคนไทยด้วย ความเชื่อมั่นไม่มีก็ต้องสร้างกำลังใจให้กับนักขายค่อนข้างมาก ปีแรกเรามีปัญหาเรื่องการโตเร็ว แต่แย่มากๆตรงที่เรา เตรียมสินค้าไม่ทัน แต่ในที่สุดก็ลุล่วงไปได้ ส่วนตัวหมอเองก็ยอมรับว่าช่วงนั้น หมอต้องทุ่มเทกว่าใครๆ ”


จากสินค้าเพียงไม่กี่รายการ เพิ่มเป็น 2 พันรายการในปัจจุบั นครอบคลุมสินค้าหลัก 4 หมวดใหญ่คือ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สำหรับร่างกายจำนวน 70 เปอร์แซ็นต์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม 20เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์ อื่นๆ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแนวโน้มของสินค้าอาหารเสริม เติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ ในขณะเดียวกันสินค้าสำหรับผู้ชายที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปียังไม่ได้เติบโตมากนัก ส่วนยอดขายเพิ่มสูงถึง 2,890 ล้านบาทในปี 2548 และคาดว่าไม่ต่ำ3,000ล้านบาทในปี 2549
หลายคนอาจจะมองว่าวันนี้เธอหยุดตัวเลขไม่ได้แล้วต้องไล่ล่าสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอได้ ชี้แจงว่า


“สำหรับหมอ ๆ พอมาตั้งแต่เปิดบริษัท แล้วไม่ใช่ รวยนะ แต่เรารู้ว่าตอนเรามีความทุกข์ เงินก็ไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุข แต่ที่เราหยุดไม่ได้ เพราะพันธะสัญญาที่ได้ให้ไว้กับสมาชิก
เพราะ สัญญาที่ว่าหากสมาชิก มาอยู่ตรงนี้ ต้องมีรายได้ที่ดี ต้องมีความภูมิใจมีเกียรติ์ มีศักดิ์ศรี ทุกคนได้ฝากความหวังไว้ ดังนั้นบริษัทจะต้องเติบโตเพื่อให้สมาชิกประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ ทุกอย่างเราเลยเหมือนหยุดไม่ได้ ที่จริงเราไม่ได้มองคู่แข่งเลยนะว่าเราจะเป็นที่เท่าไหร่ แต่ เราต้องให้คนที่มาอยู่กับเราได้รับในสิ่งที่เขาคาดหวัง คนมาใหม่ต้องการรายได้ใหม่ คน เก่าต้องการรายได้ที่มากขึ้น ถ้าเราไม่โต เราจะเอาที่ไหนมาให้”
หมอต้อยรู้ดีว่า สมาชิกของเธอ เป็นคนไทยที่ไม่ได้มีวิญญาณของนักขายอยู่ในสายเลือด ทางบริษัทเลยเน้นว่า เป็นการ เชิญชวนคนไทยให้มาเป็นผู้บริโภค มาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ แล้วให้เขาสร้างเครือข่ายของผู้บริโภค

โดยเอากำไรต่อชิ้นต่ำแต่เน้นจำนวนจำนวนยอดขายที่ต้องสูง
“ระบบเทรนนิ่งของเราก็จะไม่เหมือนใคร เป็นระบบที่หมออยู่กับคนไทยมา 23 ปี และสรุปได้ว่า นี่ คือคนไทย ต้องสอนกันอย่างนี้”
“ไม่เหนื่อย หรอกค่ะ” หมอต้อยย้ำเสียงใส เมื่อดูเหมือนว่าวันๆหนึ่งเธอต้องทำงานเยอะมาก ไม่มีวันหยุดแม้วัน เสาร์ อาทิตย์
“โชคดีหมอบ้านอยู่ใกล้ออฟฟิศ ถ้าวันไหนไม่ไปงาน ก็กลับไปอยู่กับลูกได้เร็ว ทานข้าวเสร็จ ก็เซ็นเอกสารอยู่ที่บ้าน ดูทีวี

ออกกำลังกายด้วยการถีบจักรยานที่ถือว่าเรื่องนี้เป็นวินัยเลยที่ต้องทำให้ได้ทุกวันๆละ1ชั่วโมง
แม้วันนี้โครงสร้างของบริษัท เข้มแข็งพอ แต่หมอต้อยก็ยังพอใจที่จะเดินสายไปเยี่ยมเยียนสมาชิกในจังหวัดต่างๆ เป็นงานที่เธออยากทำ ที่จะได้ ไปสร้างขวัญกำลังใจ ไปเจอไปพูดคุยกับ สมาชิก นอกจากเรื่องงานแล้ว เวลาทั้งหมดที่เหลือเธอมอบให้สมาชิกสำคัญ 2คนที่บ้าน
น้อง กิฟท์ “สิริอร” อายุ15 ปี เริ่มเป็นวัยรุ่น เธอบอกว่าลูกมีความรับผิดชอบมากกว่าแม่ในวัย เดียวกัน ส่วนน้อง ฟ้า “พิชชาอร” อายุ12 ปี เป็นโรคออทิสติกส์ ตั้งแต่วัย 3 ขวบ เลยต้องดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ถ้ามองกันอีกมุมหนึ่งเธอ บอกว่า น้องฟ้าเป็นเด็กโชคดี เพราะคนเป็นโรคนี้จะมองคนอื่นในแง่ดี มาตรฐานความสุขของเขาจึงอาจ น้อยกว่าคนทั่วไป
หากชีวิตของเธอเป็นเหมือนนิยายเรื่องนี้คงจบลงแล้วด้วยความสุข ๆ แต่เมื่อไม่ใช่ วันนี้ชีวิตของเธอก็เลยยังคงต้องดำเนินต่อไป
ที่มา: http://www.marketeer.co.th/inside_detail.php?inside_id=5056
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ลูบคมยุทธศาสตร์‘กิฟฟารีน’มาแบบเหนือเมฆเขย่าวงการตะลึง!

ยุทธศาสตร์ชิงพื้นที่รบ สาดอาวุธลับทางปัญญาออกมาให้เห็นเพียบตั้งแต่ต้นปี ทั้งโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ หวังสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคบังเกิด...ล่าสุดเพิ่มมิติใหม่ทางธุรกิจเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ “Giffarine Licence Shop” สนองความต้องการนักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด…เผยช่องทางลงทุนดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ กระตุ้นยอดจำหน่ายและอัตราการเติบโต แจงทิศทางธุรกิจที่ผ่านมายังเติบโตดีเกินเป้าไม่มีสะดุด

ธุรกิจจะยิ่งใหญ่ได้ ต้อง “เดินเกมรบ” ให้ “รวดเร็ว” และ “ฉับไว”...เช่นดั่งขายตรงสัญชาติไทยค่าย “กิฟฟารีน” ที่เรียกได้ว่ามี “แม่ทัพ” ที่ทั้ง “เก่ง” และ “ฉลาด” อยู่ในคนๆ เดียว เห็นได้จากการออกมาเป็นข่าวแต่ละครั้งสร้างความฮือฮาให้กับคนขายตรงทั้งวงการได้เห็นและเสียวสันหลังไปตามๆ กัน

ขึ้นชื่อว่า “กิฟฟารีน” ในเรื่องของความพร้อมต้องบอกว่าไม่ได้เป็นสองรองใครเลยทีเดียว หากจะเปรียบคงเปรียบได้ดั่งนก ที่พร้อมจะสยามปีกโผบินได้ทุกเมื่อ อยู่ที่ว่าจะโผบินในช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมเท่านั้นเอง!!!

วันนี้ภาพของ “กิฟฟารีน” ผู้บริโภคต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากการวางโมเดลธุรกิจที่มีรูปแบบ “แตกต่าง-โดนใจ” ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารที่ชื่อว่า “พญ.นลินี” ล้วนๆ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตีโจทย์ ความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง การวางโปรดักส์ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ระบบผลตอบแทนตัวแทนขาย รวมถึงเข้าใจความต้องการของนักธุรกิจว่าต้องการอะไร ซึ่งด้วยจุดนี่เอง “กิฟฟารีน” จึงแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ที่ผ่านมา กลยุทธ์ของ “กิฟฟารีน” ที่ดำเนินการและใช้มาในช่วงต้นปีนั้น เริ่มตั้งแต่การโหมโรงในเรื่องของภาพยนตร์โฆษณาเพื่อตอกย้ำแบรนด์ในการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จนคนเห็นแล้วเกิดการรับรู้มากขึ้น ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้เอง

ขณะเดียวกัน หากมองดูให้ดีจะพบอีกว่า นอกเหนือจาก “ไอเดีย” ที่เป็นเลิศในการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จของ “พญ.นลินี ไพบูลย์” แล้ว สิ่งที่ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญคงหนีไม่พ้นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ เพราะกิฟฟารีน เรียกว่ามีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศไม่ได้เป็นสองรองใคร แถมยังมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองอีกด้วย...จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไม?...“กิฟฟารีน” ถึงสามารถผงาดอยู่ใน “ยุทธจักรขายตรง” ได้อย่างสง่าผ่าเผย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เป็นเลิศและมองอะไรก็เป็นช่องทางธุรกิจเสียทุกอย่าง

พร้อมกันนี้ ยังมีอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของค่ายนี้ ที่ต้อง บอกว่าหากไม่กล่าวถึงคงไม่ได้นั่นคือ ความสำเร็จจากการได้รับรางวัล “Superbrands 2008 - 2009” ในฐานะแบรนด์ไทยที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจมากที่สุด พร้อมกับรางวัล “อย. QUALITY AWARD 2009” จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา...นับเป็นเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของค่ายนี้เลยก็ว่าได้

ทั้งนี้ ด้วยความพร้อมบวกกับชื่อเสียงของ “กิฟฟารีน” เริ่มดังกระฉ่อนไปแบบรวดเร็ว คนเริ่มรู้จัก ใครเห็นใครก็อยากที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของค่ายนี้...ด้วยจุดเด่นหลายๆ ด้านบวกกับความพร้อมที่ค่ายนี้มี และชอบที่จะ “ฉีกหนีคู่แข่ง” ได้ตลอดเวลานี่เอง
ส่งผลให้เมื่อไม่นานมานี้ “กิฟฟารีน” ได้ออกมาประกาศศักดาทางธุรกิจอีกครั้งด้วยการ “โชว์ความเหนือชั้น-โชว์ความแตกต่าง” ทางธุรกิจเพื่อฉีกหนีคู่แข่งอีกหนึ่งก้าวนั่นคือ...การเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ ด้วยการเชื้อเชิญผู้ที่รู้จักธุรกิจกิฟฟารีนและต้องการเป็นส่วนหนึ่งของ “กิฟฟารีน” ได้มาร่วมลงทุนเปิดศูนย์ธุรกิจในรูปแบบไลเซนส์...ซึ่งการเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ใหม่ที่ “กิฟฟารีน” เอง ต้องการขยายธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการของเครือข่ายผู้บริโภคสินค้าให้กว้างมากขึ้นเช่นเดียวกัน ที่สำคัญน่าที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนใน “ยุคข้าวยากหมากแพง” ก็เป็นได้

สำหรับในการลงทุนดังกล่าว “กิฟฟารีน” เปิดโอกาสให้เฉพาะผู้สนใจลงทุนที่ไม่ได้เป็นนักธุรกิจกิฟฟารีนสามารถลงทุนเปิดศูนย์ธุรกิจในรูปแบบศูนย์ไลเซนส์ได้เท่านั้น โดยในช่วงแรกของการลงทุน ทาง “กิฟฟารีน” จะช่วยในเรื่องของการจัดหาพื้นที่ในเขตชุมชน ย่านธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า และพื้นที่ที่มีกลุ่มนักธุรกิจกิฟฟารีนและสมาชิกผู้บริโภคที่มีความต้องการในการซื้อสินค้าให้ อีกทั้งมีระบบสนับสนุนทางธุรกิจที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถดำเนินธุรกิจเองได้

...“การเปิดโอกาสการลงทุนในครั้งนี้ นอกจากเป็นการรุกคืบขยายสาขาเพื่อเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าแล้ว ยังเป็นการเปิดตัวรูปแบบใหม่ของการจัดศูนย์แบบ “Choose & Shop” ที่สมาชิกผู้บริโภคสามารถเลือกหยิบสินค้าเองได้ ซึ่งจากการวิจัยสามารถเพิ่มโอกาสการตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นยอดจำหน่าย และการเติบโตของบริษัทฯ อีกด้วย โดยคาดว่าการเปิดศูนย์บริการไลเซนส์ในครั้งนี้ จะสามารถขยายศูนย์ธุรกิจภายในสิ้นปีนี้ได้ถึง 10 แห่งตามเป้าหมาย และหากผลตอบรับดี เชื่อว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้านี้ จะสามารถมีศูนย์ดังกล่าวถึง 100 ศูนย์ธุรกิจแน่นอน”... พญ.นลินี กล่าวและว่า

ปัจจุบัน “กิฟฟารีน” ได้มีการเปิดศูนย์ต้นแบบที่สาขาพระราม 2 และบางแค ออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว โดยเป็นการจัดศูนย์ในรูปแบบ Choose & Shop ที่แตกต่างไปจากศูนย์กิฟฟารีนเดิม จากปกติการซื้อสินค้า ต้องมีใบสั่งซื้อสินค้า แต่การเปิดศูนย์ลักษณะนี้ นักธุรกิจกิฟฟารีนและสมาชิก ผู้บริโภคสามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าและจ่ายเงินได้ทันที

…จากแนวทางการดำเนินธุรกิจของค่าย “กิฟฟารีน” ที่ต้องการฉีกหนีความแตกต่างทางธุรกิจนี่เอง เห็นได้จากการเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า “Giffarine Licence Shop” น่าที่จะเป็นอีกหนึ่งหัวหอกที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินต่อไปข้างหน้าได้เช่นกัน...ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับนโยบายการทำตลาดของค่าย “กิฟฟารีน” ที่ว่าเน้นการทำตลาดแบบสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว พร้อมกับการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีแบบ “รวดเร็ว” และ “ฉับไว” แบบ “รู้ลึก รู้จริง”

นอกเหนือจากกลยุทธ์ใหม่ที่ทาง “กิฟฟารีน” ได้ออกมากระทุ้งตลาดในส่วนของการเปิดตัวโมเดลใหม่ทางธุรกิจแล้ว แผนการดำเนินธุรกิจของ “กิฟฟารีน” ในปีนี้ ยังจะเน้นหนักในเรื่องของการเทรนนิ่งไปตามภูมิภาคต่างๆ อีกด้วย รวมถึงการเน้นกิจกรรมภายในองค์กรมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาถึง 3 เท่า ด้วย

งบการตลาดที่วางไว้ที่ 200-300 ล้านบาท สำหรับภายในองค์กร ส่วนงบตลาดภายนอกองค์กรวางไว้ที่ 90 ล้านบาท ส่วนแผนในการขยายตลาดในต่างประเทศนั้น “กิฟฟารีน” ยังมีแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศเช่นกัน โดยได้เริ่มรุกตลาดต่างประเทศบ้างแล้ว 2 แห่ง คือ มาเลเซียและกัมพูชา โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดแกรนด์ โอเพ่นนิ่งได้ไม่น่าที่จะเกิน 2 เดือนนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองระบบอยู่คาดว่าน่าที่จะแล้วเสร็จได้ก่อนการ
แกรนด์ โอเพ่นนิ่งอย่างแน่นอน

“ผลประกอบการในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั้น กิฟฟารีนมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเกินจากเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ และนับเป็นตัวเลขที่น่าพอใจทีเดียว ถึงแม้หลายๆ บริษัทฯ จะเจอสถาน การณ์ความวุ่นวายภายในประ เทศที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม” พญ.นลินี กล่าว

…จากกลยุทธ์ทั้งหมดที่ “กิฟฟารีน” มี บวกกับการทำงานที่รอบคอบ น่าที่จะทำให้อัตราการเติบโตของค่ายนี้ “ผงาด” อยู่ในวงการขายตรงอย่างยาวนาน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าจะครองใจผู้บริโภคได้อย่างตราตรึงใจได้เลยทีเดียวสมกับที่เป็นขายตรงสัญชาติไทยจริงๆ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 251 ประจำวันที่ 16-30 มิถุนายน 2552 ,http://www.mlm.in.th
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/