กิฟฟารีน giffarine www.no-poor.com
ธุรกิจเสริม กิฟฟารีน
กิฟฟารีน ธุรกิจเสริม อาชีพเสริม รายได้เสริมออนไลน์ ปรึกษาเรา ตรวจสอบดวงชะตา ศึกษาพลังธาตุในตัวคุณ วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน ภาวะผู้นำและลักษณะงานที่เหมาะกับคุณ ก่อนเริ่มธุรกิจ-คุยกับเราที่ no-poor.com

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คาดเทรนด์ธุรกิจขายตรงเหนื่อย “กิฟฟารีน”เสริมแกร่งสมาชิก-สยายปีกบุก ตจว.

“แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์” นายกสมาคมขายตรง ชี้เทรนด์อุตสาหกรรมไม่หมู หางเลข ศก.ทุบกำลังซื้อ คาดยอดขายไม่ไหลลื่น “กิฟฟารีน” ปรับแผนรับมือเร่งเสริมความแกร่งสมาชิกนักขายดึงยอด เน้นรักษาฐานลูกค้าเป็นหลัก ชูวิทยุชุมชนนำร่องขยายฐานเจาะต่างจังหวัดแพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด และนายกสมาคมขายตรงไทยกล่าวว่า จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นทั่วโลกคาดว่าจะส่งผลต่อประเทศไทยและหลายๆ ธุรกิจ รวมทั้งธุรกิจขายตรง และแม้ว่าคนจำนวนไม่น้อยที่อาจจะเข้าสู่ธุรกิจขายตรงเพื่อหารายได้เสริมหรือทำเป็นอาชีพประจำมากขึ้น แต่ปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้กำลังซื้อลดลง และการระมัดระวังการจับจ่ายของผู้บริโภคก็อาจจะทำให้ยอดขายเติบโตได้ไม่มากนัก
“ปีหน้าธุรกิจขายตรงโดยรวมมีแนวโน้มจะขยายตัวประมาณ 5-7% ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการแต่ละรายรวมทั้งสมาชิกนักขายก็จะต้องปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”
แพทย์หญิงนลินีกล่าวว่า สำหรับกิฟฟารีนเองที่ผ่านมาก็ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2551 และคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 6-7% จากเป้าที่ตั้งไว้ 10% อย่างไรก็ตามสำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของกิฟฟารีนจากนี้จะให้ความสำคัญกับการให้ความรู้และอบรมสมาชิก นักขายเกี่ยวกับสินค้ามากขึ้น
“ปีหน้าเราอาจไม่ได้ลงทุนสร้างอะไรใหม่ๆ เพราะปีนี้ลงทุนไปเยอะและครอบคลุมทั้งโรงงานใหม่ ศูนย์ธุรกิจขนาดใหญ่ ศูนย์เซ็นเตอร์ที่สำหรับจัดประชุมของแต่ละภูมิภาค เรามีครบหมดแล้ว”
นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดกล่าวด้วยว่า แนวทางหลักๆ จะเน้นรักษาฐานลูกค้าสมาชิกเดิมและเพิ่มความแข็งแกร่งของทีมขายส่วนแผนรีครูตสมาชิกใหม่คงต้องรอดูสถานการณ์ไตรมาสแรก และเบื้องต้นยังไม่มีการปรับงบฯการตลาดจากเดิมที่วางไว้ 80-100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้า ต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่และยังมีกำลังซื้อ จากปัจจุบันลูกค้า หลักยังเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 60% ต่างจังหวัด 40% เบื้องต้นใช้การทำตลาดผ่านสื่อวิทยุชุมชนเป็นตัวนำร่อง จากนั้นเพิ่มเครื่องมือทางการตลาดใหม่ๆ เข้าสู่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งที่ผ่านมาโฆษณาเป็นสื่อการตลาดสำคัญ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ง่ายขึ้น
“ปกติแต่ละปีกิฟฟารีนจะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดประมาณ 20-30 รายการ และปัจจุบันมีสินค้ากว่า 2,000 รายการ ซึ่งสินค้าทำรายได้หลักอยู่ในหมวดสุขภาพและความงาม พฤติกรรมผู้บริโภคจากนี้เน้น ให้ความสำคัญกับคุณภาพและราคาโดยเฉพาะโฟกัสราคามากขึ้น โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีโอกาสการเติบโตค่อนข้างมาก เนื่องจากผู้บริโภคสามารถซื้อซ้ำถี่กว่ากลุ่มเครื่องสำอาง บริษัทมีแผนเพิ่มสินค้าไซซ์เล็กมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกลูกค้าและสร้างประสบการณ์การทดลองใช้สินค้าของลูกค้าใหม่ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาปรับหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารขนาด 30 แคปซูล และ 15 แคปซูล จากปกติ 60 แคปซูล เป็นต้น” นายพงศ์พสุกล่าว
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ 29 ธันวาคม 2551

http://www.no-poor.com/

ไม่มีความคิดเห็น: