กิฟฟารีน giffarine www.no-poor.com
ธุรกิจเสริม กิฟฟารีน
กิฟฟารีน ธุรกิจเสริม อาชีพเสริม รายได้เสริมออนไลน์ ปรึกษาเรา ตรวจสอบดวงชะตา ศึกษาพลังธาตุในตัวคุณ วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน ภาวะผู้นำและลักษณะงานที่เหมาะกับคุณ ก่อนเริ่มธุรกิจ-คุยกับเราที่ no-poor.com

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

เจาะเกาะติดสูตรสำเร็จ13ปี'กิฟฟารีน' ขายตรงแบรนด์ไทยธุรกิจก้าวไกลสมราคา

กะเทาะเปลือกเนื้อในความสำเร็จขายตรงแบรนด์ไทยค่าย "กิฟฟารีน"...13 ปีแห่งการยืนหยัดในวงการเครือข่าย...ล้วงลึก "กุญแจดอกสำคัญ" เส้นทางทะยานสู่ความสำเร็จด้วยโมเดลของธุรกิจที่เน้นความแตกต่างแหวกแนวไม่เหมือนใคร...ระบุ! พบยอดขาย 13 ปี แตะเพดานกว่า 3.2 หมื่นล้าน และมอบผลประโยชน์ให้นักธุรกิจกิฟฟารีนเกินกว่า 1.4 หมื่นล้าน...ลั่น! ก้าวสู่ปีที่ 14 เตรียมลั่นไก "ขีปนาวุธ" ทีเด็ดเป็นระลอกตอกย้ำแบรนด์

13 ปีที่ผ่านมา "กิฟฟารีน" เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น 10% ทุกปี มียอดขายโดยรวมแล้วเกินกว่า 32,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมอบผลประโยชน์ให้กับนักธุรกิจ กิฟฟารีนไปแล้วเกินกว่า 14,000 ล้านบาท และมีนักธุรกิจกิฟฟารีนที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้มีรายได้เกินกว่าหลักล้านขึ้นไปแล้วมากกว่า 1,000 คน"...

..."คิดใหญ่ ทำใหญ่ มองใหญ่ ทุกอย่างใหญ่ตาม"...เหมือนกับการทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ หากเราคิดอะไรที่ใหญ่ และตั้งปณิธานว่าต้องไปให้ถึง สิ่งที่ฝันมันก็ย่อมมาถึงได้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่ว่าจะช้าหรือจะเร็วเท่านั้นเอง...ที่เกริ่นมาอย่างนี้ อยากที่จะขอพูดถึงขายตรงสัญชาติไทย ที่ไม่มีลูกครึ่งมาผสมเลยแต่อย่างใดนั่นคือ "กิฟฟารีน" ซึ่งค่ายนี้บอกได้คำเดียวว่าโชคดีเหลือเกินที่มี "แม่ทัพหญิง" ทั้ง "เก่ง" และ "แกร่ง" อยู่ในคนๆ เดียว เพราะบทที่จะ "บู๊" ก็บู๊เสียเหลือเกิน บทที่จะตั้งรับทางธุรกิจก็ตั้งรับแบบระวังตัวไม่ประมาท...นี่แหล่ะเขาถึงว่า..."มีแม่ทัพหน้าดี ได้เปรียบไปหลายช่วงตัว"...

ความสำเร็จของ "กิฟฟารีน" เกิดขึ้นมาได้ ส่วนหนึ่งมาจาก "การวางหมาก" ของ "โมเดล" ที่แตกต่าง ทั้งในเรื่องของการวางโปรดักซ์และบริการที่เข้าถึงครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญ "กิฟฟารีน" ยังให้ความสำคัญในเรื่องของฐานข้อมูลลูกค้า รวมถึงการทำตลาดเชิงบูรณาผ่านการซื้อข่ายทางอินเตอร์เน็ตอีกด้วย...นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ "กิฟฟารีน" ใช้มาโดยตลอดในการทำธุรกิจช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ความสำเร็จของ "กิฟฟารีน" เอง ไม่ใช่มีเพียงแค่การวางโมเดลความแตกต่างในเรื่องของธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่งคอยเป็น "ปีกซ้าย" และ "ปีกขวา" ของการทำธุรกิจให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น "น.ท.นพ. จักรพงศ์ ไพบูลย์" รองประธานกรรมการ ที่ดูแลในส่วนของการผลิตภายในโรงงาน, "พญ.ใจทิพย์ ไพบูลย์" กรรมการผู้จัดการ ดูแลในส่วนของการตลาดต่างประเทศ และอีกหนึ่งท่านที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญของ "กิฟฟารีน" เลยก็ว่าได้นั่นคือ "พงศ์พสุ อุณาพรหม" ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด...
เชื่อไหมล่ะว่า!....กว่าที่ "กิฟฟารีน" จะ "ยืนหยัด" และ "ผงาด" บน "สังเวียนขายตรง" จนมาถึงวันนี้...13 ปี และกำลังจะย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 14 นั้น ต้อง "พลิกตำรารบพิชัยสงคราม" กันแบบอุตลุดกันเลยทีเดียว กว่าที่จะมีวันนี้ได้!!...


ยุทธวิธีสู่แบรนด์อินเตอร์ 'กิฟฟารีน' สยายปีกเร็ว-แรง

...หากจะให้ย้อนดูถึงธุรกิจ "กิฟฟารีน" ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นธุรกิจจนมาถึง ณ เวลานี้ พัฒนาการการเติบโตของ "กิฟฟารีน" เสมือน "พลังช้างสาน" ที่ "กำลังคึก-กำลังหิวกระหาย" ในธุรกิจ ซึ่งพร้อมที่จะขับเคลื่อน "ยุทธหัตถี" เชิงรบในธุรกิจอยู่ตลอดเวลา...
เห็นได้จาก "กลยุทธ์ทีเด็ด" ในการพิชิตใจคนเครือข่ายของค่ายนี้ที่ใช้กลยุทธ์แบบง่ายๆ ที่ไม่ซ้ำซ้อนเหมือนใคร...นั่นก็คือกลยุทธ์ที่ว่า..."ต้องเข้าใจคนอื่นก่อน ไม่เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง สามารถปรับตัวได้รวดเร็วตามสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ที่จะออกมาสู่ตลาดแต่ละตัวต้องเน้นคุณภาพมาก่อน ในราคาที่เหมาะสม"...สิ่งเหล่านี้ คือ "แรงผลักดัน" ให้ "กิฟฟารีน" สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินการ (17 มีนาคม 2539) จนถึงปัจจุบันนี้อย่าง "สง่างาม"!!.....

วันนี้แบรนด์ "กิฟฟารีน" สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Mass ได้อย่างสบาย และกลายเป็นเครือข่ายธุรกิจขายตรงแบรนด์ไทยที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ที่สำคัญ สามารถชิงส่วนแบ่งจากแบรนด์ต่างชาติได้อย่าง "ขาดกระจุย" เลยทีเดียว หากใครที่ติดตามค่ายนี้คงรู้เป็นอย่างดี!!

...จะเห็นได้ว่า ในเรื่องของ "จุดต่าง" ทางธุรกิจถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะเป็นการช่วยประครององค์กรให้สามารถขึ้นมา "ผงาด" ในสมรภูมิรบขายตรงได้ ซึ่งที่ "กิฟฟารีน" ก็สามารถพิสูจน์ถึงจุดต่างทางธุรกิจของตนเองให้คนเครือข่ายได้ประจักษ์แบบ "ครบเครื่อง" กันแล้วว่า ที่นี่มี "จุดต่าง" ที่ "ฉีก-แหวกแนว" ค่ายอื่นจริงๆ...เห็นได้จากจุดต่างที่ค่ายนี้ใช้มาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นจุดต่างในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่เสนอต่อลูกค้า จุดต่างในเรื่องของระบบบริหารเครือข่าย ซึ่งทั้ง 2 จุดต่างนี้ เป็นเพียงแค่ "คัมภีร์ยุทธ์" ไม้เด็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรของค่าย "กิฟฟารีน" ได้ดีจริงๆ
และอีกหนึ่งกลยุทธ์ปูทาง "ก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์" ของ "กิฟฟารีน" นั่นคือ การมุ่งมั่นให้ความสำคัญในการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ซึ่งขณะนี้ "กิฟฟารีน" มีการส่งออกไปต่างประเทศแล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก อาทิ ประเทศอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, เยอรมันนี, ออรเตรเลีย, เกาหลี, ญี่ปุ่น,เบลเยียม, ไต้หวัน และจีน นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดตั้งกิฟฟารีน Flagship Store and Business Center ขึ้นที่ประเทศฮ่องกง เพื่อรองรับการเติบโตของกิฟฟารีนในต่างประเทศอีกด้วย...นับเป็นการรุกตลาดต่างประเทศแบบน่ากลัวอย่างมากทีเดียว สำหรับค่ายนี้!!


โรงงาน-โฆษณา-รางวัลดีเด่น ตัวแปรสู่ 'Brand Ambassadors'

...ที่ผ่านมา ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า "กิฟฟารีน" มีการบุกตลาดชนิดที่ว่า "ครบเครื่อง-ครบรส" และสร้างการรับรู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าทึ่งทีเดียว...โดยการรุกตลาดของ "กิฟฟารีน" แต่ละครั้ง "อาวุธ" ที่ออกไป "อณุภาพ" เรียกว่าร้ายแรงและตรงเป้าหมายที่วางไว้เสียเหลือเกิน

ไม่ว่าจะเป็น "ขีปนาวุธลูกแรก" ที่เพิ่งปล่อยออกมาได้ไม่นานนั่นคือ การเปิดตัวโรงงานที่ครบวงจรอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 700 ล้านบาท...นับเป็นอีกหนึ่ง "ขีปนาวุธแรก" ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการขายตรงได้ไม่น้อย สำหรับความพร้อมในเรื่องของการผลิต

"ขีปนาวุธลูกที่สอง"...ซึ่งหลายคนคงพอที่จะนึกออกนั่นก็คือ "การโฆษณา"...วันนี้ ในเรื่องของ "การโฆษณา" ค่าย "กิฟฟารีน" เองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร อาจจะรุกหนักเสียยิ่งกว่าค่ายอื่นๆ เสียซ้ำไป โดย "ขีปนาวุธ" ลูกนี้ นับเป็นภาพที่สร้างความฮือฮา ให้กับผู้บริโภคได้กล่าวขานกันมากทีเดียว เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การออก "ภาพยนตร์โฆษณา" ซีรี่ส์เรื่องยาวที่ได้ดึงดาราดังอย่าง "จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา" และ "อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์" มาการันตีความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์กิฟฟารีน เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า "สินค้าแบรนด์ไทย ไม่แพ้ใครในโลก"...ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายใหญ่ที่ "กิฟฟารีน" ตั้งเป้าไว้คือ ต้องการเป็น "Brand Ambassadors"...

ที่สำคัญ ปีนี้ความพิเศษของการ "ตอกย้ำแบรนด์" ผ่านสื่อทีวี โดย "ภาพยนตร์โฆษณา" ของ "กิฟฟารีน" ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปีที่ผ่านเช่นกัน...ซึ่งความพิเศษของภาพยนตร์โฆษณาในปีนี้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า "Why Giffarine" เพื่อตอบโจทย์ว่า ทำไมธุรกิจกิฟฟารีนจึงเป็นธุรกิจที่โดดเด่น และน่าสนใจ อีกทั้งเพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นธุรกิจแบรนด์ไทย ที่มุ่งหวังในการสร้างรายได้และอาชีพให้กับคนไทยในทุกภาวะเศรษฐกิจ ภาพยนตร์โฆษณาของกิฟฟารีนในปีนี้ จึงออกแบบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจ และเชิญชวนให้คนไทยมาร่วมทำธุรกิจกิฟฟารีน รวมถึงสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ...เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง การตอกย้ำความมั่นคงของธุรกิจได้เป็นอย่างดี

...ณ วันนี้ "กิฟฟารีน" ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะนอกจากเป็นผู้นำด้านธุรกิจเครือข่ายสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามชั้นนำในประเทศไทยแล้ว "กิฟฟารีน" ยังได้รับรางวัล "Superbrands 2008-2009" ในฐานะสุดยอดแบรนด์ไทยที่มีความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์ รวมถึงได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เข้ารับรางวัล "อย. QUALITY AWARDS 2009" อีกด้วย

ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำจุดแข็ง ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์สู่สายตานานาประเทศทั่วโลก ที่สำคัญ ยังเป็นการตอกย้ำว่าแบรนด์ไทยนั้นมีคุณภาพและมีมาตรฐานไม่แพ้อินเตอร์แบรนด์ในต่างประเทศเช่นกัน...ซึ่งทั้ง 2 รางวัลที่กล่าวมานี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง "ขีปนาวุธ" ชั้นเลิศที่ค่ายอื่นไม่มีแต่ "กิฟฟารีน" มี!!..
ที่สำคัญ "แม่ทัพหญิงคนเก่ง" อย่าง "พ.ญ. นลินี ไพบูลย์ " หรือ หมอต้อย ยังสร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยนั่นคือ การได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 ของนักธุรกิจไทย จากทั้งหมด 15 คนทั่วโลก ขึ้นรับรางวัลนักธุรกิจสตรีดีเด่นโลกปี 2007 (Leading Women Enterpreneurs of the World 2007)...นี่แหล่ะคืออีกหนึ่งความเพอร์เฟ็คที่เรียกว่าลงตัวอย่างมากทีเดียว อาจเรียกได้ว่า "กิฟฟารีน" คือหนึ่งในธุรกิจต้นแบบของหลายๆ ธุรกิจเลยก็ว่าได้


13ปี 'กิฟฟารีน' ที่ยิ่งใหญ่สร้างคนสำเร็จด้วยธุรกิจ

...จะเห็นได้ว่า จากผลประกอบการที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของ "กิฟฟารีน" มา 13 ปี สิ่งที่หลายๆ ท่านคงเห็นกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ วิวัฒนาการของธุรกิจกิฟฟารีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิก ยอดขาย เป็นต้น...ซึ่งที่ผ่านมา "พ.ญ.นลินี" ได้เคยกล่าวไว้ว่า..."สิ่งที่ชาวกิฟฟารีนมีความภาคภูมิใจสูงสุด ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข หรือผลประกอบการ ไม่ได้อยู่ที่การสร้างนักธุรกิจให้เป็นเศรษฐีเงินล้าน หรือสร้างคนให้มีรายได้เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การทำให้คนไทยมีกำลังใจที่จะเป็นคนดี ครอบครัวมีรายได้มั่นคงอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นนักธุรกิจกิฟฟารีน ต้องมีหัวใจ และมีน้ำใจในการทำธุรกิจ จะต้องดูแลเอาใจใส่คนที่ชักชวนเข้ามาทำธุรกิจ และต้องเป็นคนดี ดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เพื่อสร้างคนดีให้เป็นนักธุรกิจด้วยกัน"

..."13 ปีที่ผ่านมา "กิฟฟารีน" เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น 10% ทุกปี มียอดขายโดยรวมแล้วเกินกว่า 32,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมอบผลประโยชน์ให้กับนักธุรกิจ กิฟฟารีนไปแล้วเกินกว่า 14,000 ล้านบาท และมีนักธุรกิจกิฟฟารีนที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้มีรายได้เกินกว่าหลักล้านขึ้นไปแล้วมากกว่า 1,000 คน"...นี่คือคำพูดที่การันตีถึงความสำเร็จของ "กิฟฟารีน" ที่ "พ.ญ.นลินี" ได้กล่าวไว้ในงานฉลองการก้าวสู่ปีที่ 14 ในงานประชุมประจำปีที่ผ่านมา

...และทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ "กลยุทธ์" การเข้าใจ เข้าถึงผู้บริโภคแบบง่ายๆ และสามารถครองใจผู้บริโภคและเหล่าสมาชิกได้อย่างอยู่มัด เรียกว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ 13 ปีที่ "กิฟฟารีน" ยืนหยัดอยู่ในธุรกิจขายตรงและกำลังจะก้าวสู่ปีที่ 14 ณ ชั่วโมงนี้ ต้องบอกว่าค่ายนี้ไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะความสำเร็จของกิฟฟารีนในแต่ละปีนั้นมักที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยภาพที่ชัดเจน...มาติดตามกันดูว่าปีที่ 14 "กิฟฟารีน" เขาจะมีอะไรมา "เขย่าวงการขายตรง" กันอีกบ้าง เชื่อว่าคงมีทีเด็ดที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยอย่างแน่นอน!!...

ที่มา : http://www.mlm.in.th
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ไม่มีความคิดเห็น: