กิฟฟารีน giffarine www.no-poor.com
ธุรกิจเสริม กิฟฟารีน
กิฟฟารีน ธุรกิจเสริม อาชีพเสริม รายได้เสริมออนไลน์ ปรึกษาเรา ตรวจสอบดวงชะตา ศึกษาพลังธาตุในตัวคุณ วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน ภาวะผู้นำและลักษณะงานที่เหมาะกับคุณ ก่อนเริ่มธุรกิจ-คุยกับเราที่ no-poor.com

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

ลูบคมยุทธศาสตร์‘กิฟฟารีน’มาแบบเหนือเมฆเขย่าวงการตะลึง!

ยุทธศาสตร์ชิงพื้นที่รบ สาดอาวุธลับทางปัญญาออกมาให้เห็นเพียบตั้งแต่ต้นปี ทั้งโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ หวังสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคบังเกิด...ล่าสุดเพิ่มมิติใหม่ทางธุรกิจเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ “Giffarine Licence Shop” สนองความต้องการนักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด…เผยช่องทางลงทุนดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ กระตุ้นยอดจำหน่ายและอัตราการเติบโต แจงทิศทางธุรกิจที่ผ่านมายังเติบโตดีเกินเป้าไม่มีสะดุด

ธุรกิจจะยิ่งใหญ่ได้ ต้อง “เดินเกมรบ” ให้ “รวดเร็ว” และ “ฉับไว”...เช่นดั่งขายตรงสัญชาติไทยค่าย “กิฟฟารีน” ที่เรียกได้ว่ามี “แม่ทัพ” ที่ทั้ง “เก่ง” และ “ฉลาด” อยู่ในคนๆ เดียว เห็นได้จากการออกมาเป็นข่าวแต่ละครั้งสร้างความฮือฮาให้กับคนขายตรงทั้งวงการได้เห็นและเสียวสันหลังไปตามๆ กัน

ขึ้นชื่อว่า “กิฟฟารีน” ในเรื่องของความพร้อมต้องบอกว่าไม่ได้เป็นสองรองใครเลยทีเดียว หากจะเปรียบคงเปรียบได้ดั่งนก ที่พร้อมจะสยามปีกโผบินได้ทุกเมื่อ อยู่ที่ว่าจะโผบินในช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมเท่านั้นเอง!!!

วันนี้ภาพของ “กิฟฟารีน” ผู้บริโภคต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากการวางโมเดลธุรกิจที่มีรูปแบบ “แตกต่าง-โดนใจ” ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารที่ชื่อว่า “พญ.นลินี” ล้วนๆ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตีโจทย์ ความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง การวางโปรดักส์ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ระบบผลตอบแทนตัวแทนขาย รวมถึงเข้าใจความต้องการของนักธุรกิจว่าต้องการอะไร ซึ่งด้วยจุดนี่เอง “กิฟฟารีน” จึงแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ที่ผ่านมา กลยุทธ์ของ “กิฟฟารีน” ที่ดำเนินการและใช้มาในช่วงต้นปีนั้น เริ่มตั้งแต่การโหมโรงในเรื่องของภาพยนตร์โฆษณาเพื่อตอกย้ำแบรนด์ในการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น จนคนเห็นแล้วเกิดการรับรู้มากขึ้น ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้เอง

ขณะเดียวกัน หากมองดูให้ดีจะพบอีกว่า นอกเหนือจาก “ไอเดีย” ที่เป็นเลิศในการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จของ “พญ.นลินี ไพบูลย์” แล้ว สิ่งที่ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญคงหนีไม่พ้นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ เพราะกิฟฟารีน เรียกว่ามีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศไม่ได้เป็นสองรองใคร แถมยังมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองอีกด้วย...จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไม?...“กิฟฟารีน” ถึงสามารถผงาดอยู่ใน “ยุทธจักรขายตรง” ได้อย่างสง่าผ่าเผย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เป็นเลิศและมองอะไรก็เป็นช่องทางธุรกิจเสียทุกอย่าง

พร้อมกันนี้ ยังมีอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของค่ายนี้ ที่ต้อง บอกว่าหากไม่กล่าวถึงคงไม่ได้นั่นคือ ความสำเร็จจากการได้รับรางวัล “Superbrands 2008 - 2009” ในฐานะแบรนด์ไทยที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจมากที่สุด พร้อมกับรางวัล “อย. QUALITY AWARD 2009” จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา...นับเป็นเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของค่ายนี้เลยก็ว่าได้

ทั้งนี้ ด้วยความพร้อมบวกกับชื่อเสียงของ “กิฟฟารีน” เริ่มดังกระฉ่อนไปแบบรวดเร็ว คนเริ่มรู้จัก ใครเห็นใครก็อยากที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของค่ายนี้...ด้วยจุดเด่นหลายๆ ด้านบวกกับความพร้อมที่ค่ายนี้มี และชอบที่จะ “ฉีกหนีคู่แข่ง” ได้ตลอดเวลานี่เอง
ส่งผลให้เมื่อไม่นานมานี้ “กิฟฟารีน” ได้ออกมาประกาศศักดาทางธุรกิจอีกครั้งด้วยการ “โชว์ความเหนือชั้น-โชว์ความแตกต่าง” ทางธุรกิจเพื่อฉีกหนีคู่แข่งอีกหนึ่งก้าวนั่นคือ...การเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ ด้วยการเชื้อเชิญผู้ที่รู้จักธุรกิจกิฟฟารีนและต้องการเป็นส่วนหนึ่งของ “กิฟฟารีน” ได้มาร่วมลงทุนเปิดศูนย์ธุรกิจในรูปแบบไลเซนส์...ซึ่งการเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ใหม่ที่ “กิฟฟารีน” เอง ต้องการขยายธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการของเครือข่ายผู้บริโภคสินค้าให้กว้างมากขึ้นเช่นเดียวกัน ที่สำคัญน่าที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนใน “ยุคข้าวยากหมากแพง” ก็เป็นได้

สำหรับในการลงทุนดังกล่าว “กิฟฟารีน” เปิดโอกาสให้เฉพาะผู้สนใจลงทุนที่ไม่ได้เป็นนักธุรกิจกิฟฟารีนสามารถลงทุนเปิดศูนย์ธุรกิจในรูปแบบศูนย์ไลเซนส์ได้เท่านั้น โดยในช่วงแรกของการลงทุน ทาง “กิฟฟารีน” จะช่วยในเรื่องของการจัดหาพื้นที่ในเขตชุมชน ย่านธุรกิจ ห้างสรรพสินค้า และพื้นที่ที่มีกลุ่มนักธุรกิจกิฟฟารีนและสมาชิกผู้บริโภคที่มีความต้องการในการซื้อสินค้าให้ อีกทั้งมีระบบสนับสนุนทางธุรกิจที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถดำเนินธุรกิจเองได้

...“การเปิดโอกาสการลงทุนในครั้งนี้ นอกจากเป็นการรุกคืบขยายสาขาเพื่อเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าแล้ว ยังเป็นการเปิดตัวรูปแบบใหม่ของการจัดศูนย์แบบ “Choose & Shop” ที่สมาชิกผู้บริโภคสามารถเลือกหยิบสินค้าเองได้ ซึ่งจากการวิจัยสามารถเพิ่มโอกาสการตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นยอดจำหน่าย และการเติบโตของบริษัทฯ อีกด้วย โดยคาดว่าการเปิดศูนย์บริการไลเซนส์ในครั้งนี้ จะสามารถขยายศูนย์ธุรกิจภายในสิ้นปีนี้ได้ถึง 10 แห่งตามเป้าหมาย และหากผลตอบรับดี เชื่อว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้านี้ จะสามารถมีศูนย์ดังกล่าวถึง 100 ศูนย์ธุรกิจแน่นอน”... พญ.นลินี กล่าวและว่า

ปัจจุบัน “กิฟฟารีน” ได้มีการเปิดศูนย์ต้นแบบที่สาขาพระราม 2 และบางแค ออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว โดยเป็นการจัดศูนย์ในรูปแบบ Choose & Shop ที่แตกต่างไปจากศูนย์กิฟฟารีนเดิม จากปกติการซื้อสินค้า ต้องมีใบสั่งซื้อสินค้า แต่การเปิดศูนย์ลักษณะนี้ นักธุรกิจกิฟฟารีนและสมาชิก ผู้บริโภคสามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าและจ่ายเงินได้ทันที

…จากแนวทางการดำเนินธุรกิจของค่าย “กิฟฟารีน” ที่ต้องการฉีกหนีความแตกต่างทางธุรกิจนี่เอง เห็นได้จากการเปิดตัวโมเดลทางธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า “Giffarine Licence Shop” น่าที่จะเป็นอีกหนึ่งหัวหอกที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินต่อไปข้างหน้าได้เช่นกัน...ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับนโยบายการทำตลาดของค่าย “กิฟฟารีน” ที่ว่าเน้นการทำตลาดแบบสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว พร้อมกับการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีแบบ “รวดเร็ว” และ “ฉับไว” แบบ “รู้ลึก รู้จริง”

นอกเหนือจากกลยุทธ์ใหม่ที่ทาง “กิฟฟารีน” ได้ออกมากระทุ้งตลาดในส่วนของการเปิดตัวโมเดลใหม่ทางธุรกิจแล้ว แผนการดำเนินธุรกิจของ “กิฟฟารีน” ในปีนี้ ยังจะเน้นหนักในเรื่องของการเทรนนิ่งไปตามภูมิภาคต่างๆ อีกด้วย รวมถึงการเน้นกิจกรรมภายในองค์กรมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาถึง 3 เท่า ด้วย

งบการตลาดที่วางไว้ที่ 200-300 ล้านบาท สำหรับภายในองค์กร ส่วนงบตลาดภายนอกองค์กรวางไว้ที่ 90 ล้านบาท ส่วนแผนในการขยายตลาดในต่างประเทศนั้น “กิฟฟารีน” ยังมีแผนที่จะรุกตลาดต่างประเทศเช่นกัน โดยได้เริ่มรุกตลาดต่างประเทศบ้างแล้ว 2 แห่ง คือ มาเลเซียและกัมพูชา โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดแกรนด์ โอเพ่นนิ่งได้ไม่น่าที่จะเกิน 2 เดือนนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองระบบอยู่คาดว่าน่าที่จะแล้วเสร็จได้ก่อนการ
แกรนด์ โอเพ่นนิ่งอย่างแน่นอน

“ผลประกอบการในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั้น กิฟฟารีนมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเกินจากเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ และนับเป็นตัวเลขที่น่าพอใจทีเดียว ถึงแม้หลายๆ บริษัทฯ จะเจอสถาน การณ์ความวุ่นวายภายในประ เทศที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม” พญ.นลินี กล่าว

…จากกลยุทธ์ทั้งหมดที่ “กิฟฟารีน” มี บวกกับการทำงานที่รอบคอบ น่าที่จะทำให้อัตราการเติบโตของค่ายนี้ “ผงาด” อยู่ในวงการขายตรงอย่างยาวนาน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าจะครองใจผู้บริโภคได้อย่างตราตรึงใจได้เลยทีเดียวสมกับที่เป็นขายตรงสัญชาติไทยจริงๆ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 251 ประจำวันที่ 16-30 มิถุนายน 2552 ,http://www.mlm.in.th
http://www.no-poor.com/
http://www.up-toyou.net/

ไม่มีความคิดเห็น: